ในพิธีจบการศึกษาของวิทยาลัยป้องกันประเทศของญี่ปุ่น เนื่องในเหตุการณ์ที่รัสเซียบุกยูเครน นายกฯ คิชิดะได้กล่าวว่า “โลกและญี่ปุ่นจะต้องเผชิญกับวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง” ญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ไกลรัสเซียเลย และก็ไม่ได้ไกลจีนกับเกาหลีเหนือด้วย แน่นอนการที่รัสเซียบุกยูเครนย่อมต้องมีผลกระทบต่อการแก้ไขแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ และโครงการป้องกันประเทศญี่ปุ่นในอนาคตด้วย
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นซึ่งเป็นงบประมาณเริ่มต้นในปี 2021 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 55,300 ล้านเยน เป็นเงินทั้งสิ้น 5,178,800 ล้านเยน ซึ่งงบตรงนี้เพิ่มขึ้นติดกันมาสิบปีแล้ว อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นนั้นยังถือว่ามีการลงทุนด้านการป้องกันประเทศต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศกลุ่ม G7 ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และจีน พูดง่ายๆ “ยังน้อยไป” ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างเยอรมันหรือสหรัฐฯ กำลังเล็งที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนด้านการป้องกันประเทศต่อ GDP ไปอีก
การเพิ่มการลงทุนด้านการป้องกันประเทศ ก็คือต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้น สิ่งนี้จะมีผลอะไรไหมกับญี่ปุ่น จริงๆ ญี่ปุ่นเองก็ผลิตยุทโธปกรณ์ได้นะครับ ถึงแม้อารมณ์จะคล้ายๆ ของอเมริกา เช่น Mitsubishi F-2 ที่เอาโครงตัวถังจาก F-16 แต่ใส่ระบบควบคุมของตัวเองลงไป และเคยอ่านเจอว่ายุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่นจำพวกรถถังนั้น เรียกว่า ต้นทุนยังแพง ขายแข่งในตลาดโลกไม่น่าจะไหว (คงได้แค่ประมาณว่าทำเองใช้เอง) แต่การเพิ่มงมกลาโหมของญี่ปุ่นอาจทำให้อุตสาหกรรมทางทหารของญี่ปุ่นได้ประโยชน์บ้างก็ได้ (หรือเปล่า?)
แต่ดูเหมือนว่า แท้ที่จริง อุตสาหกรรมทางทหารของญี่ปุ่นนั้น ไม่น่าจะได้รับอานิสงค์อย่างที่ควรจะเป็น นั่นเพราะอะไร?
เพราะว่าที่ผ่านมานั้น อุตสาหกรรมทางทหารของญี่ปุ่นไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศสักเท่าไหร่ ราคาก็แพงกว่า เทคโนโลยีก็สู้บริษัทขาใหญ่อย่างของสหรัฐฯ ไม่ได้ (ขานั้นเขาไปไกลขนาดพัฒนาเครื่องบินไร้พลขับ หรือเรือดำน้ำแบบไม่ต้องใช้คนบังคับแล้ว) แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะเคยพยายามผลักดันอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศและส่งเสริมงานวิจัยเทคโนโลยี แต่ก็ “ทุนหายกำไรหด” ทำไปก็ขายแข่งกับเขาไม่ได้ ถ้าพูดตามจริง การที่ญี่ปุ่นจะเพิ่มงมกลาโหมนั้น จะยิ่งกลายเป็นว่า ญี่ปุ่นจะซื้ออาวุธจากอเมริกามากขึ้นไปอีกต่างหาก!


ตอนนี้ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นที่เตรียมรับมือกับสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ไม่รู้จะไปในทิศทางไหน จะดีขึ้นหรือจะเลวร้ายลง แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสันติภาพจะมาถึงในเร็วๆ วัน