เสน่ห์ 5 ข้อที่พิสูจน์ว่าทำไม “เก็นจิโมโนกาตาริ” ถึงโด่งดังไปทั่วโลก

สำหรับผู้ที่ร่ำเรียนสายญี่ปุ่น หรือผู้ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อาจจะเคยได้ยินนวนิยายเรื่อง “เก็นจิโมโนกาตาริ” อยู่บ้าง แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จัก หรือเคยได้ยินแต่จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเดี๋ยวเราจะมาสรุปโครงเรื่องของเก็นจิโมโนกาตาริให้ได้ทราบกัน พร้อมกับบอกด้วยว่าทำไมนวนิยายรักแห่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเรื่องนี้จึงโด่งดังและเป็นที่รู้จักในระดับสากลมานานกว่า 800 ปี

ทำความรู้จักกับ “เก็นจิโมโนกาตาริ”

源氏物語 หรือ Genji Monogatari ได้ชื่อว่านวนิยายเรื่องยาวที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นและของโลกอีกด้วย ถูกเขียนในช่วงต้นศตวรรษที่ 11 หรือช่วงกลางยุคเฮอันของญี่ปุ่น (ยุคเฮอันอยู่ในระหว่าง ค.ศ. 794 – 1185) เป็นม้วนภาพยาวจำนวน 54 หน้า มีทั้งหมด 3 ตอนที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวการเดินทาง ความรักที่มีทั้งสุขและทุกข์ระทมตลอดช่วงชีวิตของตัวเอกที่มีชื่อว่า “ฮิคารุ เก็นจิ” ซึ่งเรื่องราวนั้นกล่าวตั้งแต่กำเนิดตัวละครไปจนถึงเรื่องเล่าของลูกหลานของฮิคารุ เก็นจิหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งในเรื่องนั้นมีเรื่องราวที่ยาวนานถึง 70 – 80 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีตัวละครปรากฎในเรื่องมากถึง 500 คนเลยอีกด้วยล่ะค่ะ

ผู้เขียนมีนามว่า “มุราซากิ ชิกิบุ” (นามแฝง) ซึ่งไม่มีใครทราบถึงชื่อจริง วันเกิด หรือวันเสียชีวิตที่ชัดเจนของเธอเลย แต่ทราบมาว่าเธอนั้นเกิดในตระกูลขุนนางในสายตระกูล “ฟูจิวาระ” ที่เป็นขุนนางระดังกลาง และบางส่วนเขาว่ากันว่าเรื่องราวในเก็นจิโมโนกาตาริมีเค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงของเธอด้วย

ประวัติผู้เขียนนวนิยายระดับตำนานที่โด่งดังไปทั่วโลก

รูปปั้นมุราซากิ ชิกิบุที่สะพานอุจิ จังหวัดเกียวโต

แม่ของมุราซากิ ชิกิบุเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก เธอจึงอยู่กับพ่อและพี่ชาย ซึ่งพ่อของเธอเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและเป็นนักวิชาการด้านอักษรจีน ซึ่งชิกิบุได้เรียนรู้อักษรจีนก็ตอนที่พ่อสอนอักษรจีนให้กับพี่ชายที่ไม่ว่าสอนเท่าไหร่ก็ดูจะจำไม่ค่อยได้ แต่ชิโนบุกลับฟังและจำได้อย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่พ่อของเธอบอกว่า “ถ้าเธอเป็นเด็กผู้ชายคงได้กลายเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นแน่”

ชิกิบุในวัย 20 ได้แต่งงานกับ “โนบุทากะ” ทั้งคู่มีอายุห่างกันราวพ่อกับลูก และโนบุทากะยังมีลูกชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับชิกิบุอีกด้วย ไม่นานทั้ง 2 มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน แต่ในยุคนั้นเป็นยุคที่ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน ซึ่งก็มักแวะเวียนไปอยู่กับภรรยาแต่ละคนสลับกันไปมา ชิกิบุและสามีจึงไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันมากนัก ซึ่งทำให้ผู้หญิงที่ชอบเอาชนะอย่างเธอนั้นรู้สึกเศร้าที่ต้องอยู่ห่างจากสามีในยามกลางคืน แต่ในระยะเวลาประมาณ 3 ปีให้หลัง สามีของเธอก็ล้มป่วยจนเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน แม้จะเป็นสามีที่มักนอกใจและทำตัวห่างเหิน แต่ชิกิบุเองก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย ชิกิบุที่เคยร่าเริ่งและเข้มแข็ง กลับกลายเป็นคนที่มีความซับซ้อนและชอบเก็บตัว ซึ่งช่วงนั้นเองที่เธอได้เริ่มแต่ง “เก็นจิโมโนกาตาริ”

หลังจากที่สามีเสียชีวิตไปได้ 4 ปี เธอก็ได้เป็นครูสอนพิเศษที่บ้านให้กับลูกสาวของขุนนางระดับต้นอย่าง ฟูจิวาระ โนะ มิชินางะ ผู้ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักให้ชิกิบุสามารถแต่งเก็นจิโมโนกาตาริต่ออีกด้วย

เรื่องย่อทั้ง 3 ตอนของ “เก็นจิโมโนกาตาริ”

ตอนที่ 1 บทที่ 1 – 33 กล่าวถึงการกำเนิดตัวละคร “ฮิคารุ เก็นจิ” และเรื่องราวว่าเขามีประสบการณ์ความรัก “มากมาย” ในขณะที่ค้นหาความรุ่งเรื่องในชีวิตได้อย่างไร? ที่เน้นคำว่า “มากมาย” ข้างต้นนี้จะขยายความให้ฟังดังต่อไปนี้ค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เนื้อเรื่องจะกล่าวถึงชีวิตอู้ฟู่ของลูกชายจักรพรรดิ ที่เสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็กแล้วเกิดหลงรักกับแม่เลี้ยงเพราะความละม้ายคล้ายกับแม่แท้ๆ ของตนเอง จนทั้งสองมีลูกด้วยกัน แต่ก็ตัดความสัมพันธ์กันหลังจากที่ตัดสินใจว่าเขาจะเติบโตในฐานะลูกของจักรพรรดิ จึงไปแต่งงานกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายคนหนึ่งชื่อว่าอาโออิ แต่ก็มีภรรยาน้อยอีก 3 คนด้วย เมื่ออาโออิเสียชีวิตลง ฮิคารุก็ได้แต่งงานกับหลานสาวของเธอที่มีความคล้ายคลึงแม่เลี้ยงของเขาอย่างมาก เธอมีนามว่า “มุราซากิ โนะ อุเอะ” แต่ขณะนั้นเองฮิคารุก็ไปรักกับลูกสาวของศัตรูทางการเมืองของเขาเสียอีกจึงทำให้ถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองอะคะชิ จังหวัดเฮียวโกะ ซึ่งก็ทำให้เขาก็ได้พบเจอกับหญิงสาวรูปงามเข้าอีก

ในที่สุดฮิคารุก็ได้กลับมาที่เกียวโตเพราะลูกชายของเขากับแม่เลี้ยงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิจึงทำให้เขาได้อำนาจกลับคืนมา ได้ใช้ชีวิตอู้ฟู่อยู่ในคฤหาสน์ของตนเอง จากนั้นก็ได้รับตำแหน่ง “ไดโจไดจิง” เป็นตำแหน่งหัวหน้าคณะเสนาบดี ซึ่งได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกับจักรพรรดิที่สละราชสมบัติเลยทีเดียว ถือว่าช่วงชีวิตของฮิคารุ เก็นจินั้นทั้งสูงส่งและรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง (จบบทที่ 1)

ตอนที่ 2 บทที่ 34 – 41 กล่าวถึงเงามืดที่คืบคลานอยู่ภายใต้ความรุ่งโรจน์ของฮิคารุ

ฮิคารุต้องรับลูกสาวสุดหวงแหนของพี่ชายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนั้นไม่กี่ปีมุราซากิที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายคนแรกของฮิคารุก็ล้มป่วยเพราะตรอมใจกับความเจ้าชู้ของฮิคารุมานับปี ส่วนลูกสาวของพี่ชายได้ตั้งครรภ์กับคนรักอีกคนหนึ่งที่แอบย่องเข้ามาช่วงที่ฮิคารุไม่อยู่

ฮิคารุที่แก่ชราลงได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เคยทำผิดพลาดกับแม่เลี้ยงเอาไว้ในอดีต ไม่นานมุราซากิภรรยาอันเป็นที่รักก็เสียชีวิตด้วยอาการป่วย ทำให้ฮิคารุตัดสินใจออกบวชในที่สุด (จบบทที่ 2)

ตอนที่ 3 บทที่ 42 – 54 จะกล่าวถึงเรื่องราวหลังจากที่ “ฮิคารุ เก็นจิ” เสียชีวิตแล้ว โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับลูกๆ และรุ่นหลานของเขา

รวมเสน่ห์ 5 ข้อที่พิสูจน์ว่าทำไม “เก็นจิโมโนกาตาริ” จึงโด่งดังไปทั่วโลก

1. เป็นผลงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

“เก็นจิโมโนกาตาริ” ได้รับขนานนามว่าเป็น 1 ในวรรณคดีโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายจนได้รับการแปลในหลายๆ ภาษาไปแล้วทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน “มุราซากิ ชิกิบุ” ยังได้รับรางวัลให้เป็น “บุคคลสำคัญของโลก” จากองค์การ UNESCO อีกด้วย

2. สิ่งที่มุราซากิ ชิกิบุรวบรวมเอาไว้ในเรื่อง

ในสมัยนั้นเรื่องราวต่างๆ มักเป็นเรื่องที่มีขึ้นเพื่อใช้ “ปลอบโยนแก่ผู้หญิงและเด็กๆ” แม้แต่หนังสือประวัติศาสตร์ก็ยังบอกเล่าเพียงด้านเดียวเท่านั้น แต่เรื่องราวของมุราซากิ ชิกิบุนั้นแตกต่างออกไป เพราะสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่สะท้อนถึงชีวิตมุษย์ได้อย่างละเอียดและน่าสนใจ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในยุคนั้นและจนถึงตอนนี้แม้ผ่านมานับพันปี “เก็นจิโมโนกาตาริ” ถึงยังคงได้รับการยกย่องอย่างจากนักวิชาการแนวหน้าเป็นจำนวนมาก

3. เรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ที่มุราซากิได้ร่ำเรียนมาอย่างลึกซึ้ง

หญิงสาวที่เป็นขุนนางในสมัยนั้นจำเป็นต้องมีการศึกษา, เขียนโคลงกลอน, เขียนอักษรจีน, และเรียนดนตรี ซึ่งเนื้อหาของ “เก็นจิโมโนกาตาริ” นั้นทำให้เราได้รู้ถึงความมีอัจริยภาพอันไร้ขีดจำกัดของผู้เขียนได้อย่างดี อีกทั้งยังมีการระบุถึงเรื่องรสนิยมเกี่ยวกับการเล่นเครื่องดนตรีโคโตะ, การเย็บปัก, เทคนิคการการย้อมผ้าเอาไว้อย่างดีเยี่ยม และยังกล่าวกันว่าเหล่าดีไซน์เนอร์หรือช่างย้อมผ้าระดับโปรต่างก็ได้ใช้ประโยชน์ในการสรรสร้างงานจากการอ่าน “เก็นจิโมโนกาตาริ” อีกด้วย

แต่สิ่งที่ทำให้ “มุราซากิ ชิกิบุ” โดดเด่นคือความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีจีนของเธอที่สามารถเทียบเท่ากับนักวิชาการแนวหน้าของยุคนั้นเลยทีเดียว

ความฉลาดของมุราซากิที่สามารถอ่านจนท่องจำได้นั้นเป็นที่ชื่นชมอย่างมาก กล่าวคือใน “เก็นจิโมโนกาตาริ” สามารถสะท้อนถึงความคิดเชิงตรรกะ, การสะท้อนถึงวัฒนธรรม, อารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงในหลายๆ แง่มุม รวบถึงมุมมองจากวรรณกรรมจีนแบบคลาสสิค

4. มุมมองเกี่ยวกับมนุษย์อันลึกซึ้งผ่านการบรรยายของตัวละคร

ตัวละครในเรื่องเล่าส่วนใหญ่มักจะมีบุคลิกแบบเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับ “เก็นจิโมโนกาตาริ” นั้นเราจะได้รับรู้ถึงการเติบโตของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อย่างฮิคารุในวัยเด็กและวัยชราที่มีความคิดความอ่านหรือบุคลิกและนิสัยที่แตกต่างไป เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปตามวัยนั่นเอง ส่วนนี้มุราซากิสามารถบรรยายให้เราสัมผัสตัวละครได้ชัดเจนจึงเป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้นวนิยายเรื่องนี้โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย

5. หนังสืออ้างอิงที่ทำให้ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลผ่านตัวละครฮิคารุ เก็นจิ

ความคิดความอ่านของฮิคารุ เก็นจิที่มุราซากิบรรยายไว้นั้นทำให้ผู้อ่านต่างได้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องความใส่ใจ การเห็นใจ การมีคุณธรรมต่างๆ ที่แม้แต่บางครั้งผู้อ่านเองถึงกับประหลาดใจ โดยเฉพาะเรื่องการตอบแทนบุญคุณคน และการไม่คิดเคียดแค้นต่อผู้ที่ให้ร้าย เป็นอีกส่วนที่สอนข้อคิดได้อย่างดีทีเดียว

รูปปั้นของฉากหนึ่งในตอนของเก็นจิโมโนกาตาริ

“เก็นจิโมโนกาตาริ” ถือว่าเป็นนวนิยายที่มีเสน่ห์และความน่าสนใจ รวมถึงมีแนวคิดเชิงปรัชญาในแนวลึกที่น้อยคนนักจะรู้อีกด้วย มีผู้คนมากมายที่ใช้เก็นจิโมโนกาตาริเป็นแบบอย่างในการนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นที่ยอมรับในหลายแวดวงว่าเป็น 1 ในนวนิยายสุดคลาสสิกเรื่องเยี่ยมของโลก

สรุปเนื้อหาจาก 10000nen.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save