ในประเทศญี่ปุ่นมีการใช้สกุลเงิน เช่น เรียว (両), บุ (文), เซ็น (銭) มาจนถึงสมัยเอโดะ ต่อมาในสมัยเมจิปีค.ศ. 1871 ได้มีการเปลี่ยนมาใช้สกุลเงิน “เยน (円)” (円 ออกเสียงตามแบบญี่ปุ่นว่า เอน · en ) เนื่องจากมีการกำหนดพระราชบัญญัติสกุลเงินใหม่ขึ้นมา เพื่อให้ทุกภูมิภาคมีการใช้สกุลเงินเดียวกัน และเพื่อให้มีความเป็นสากลเท่าเทียมกับต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงินและเศรษฐกิจ เหตุผลที่ญี่ปุ่น เลือกใช้สกุลเงิน “เยน” คืออะไร วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปหาคำตอบกันค่ะ
ที่มาของสกุลเงิน “เยน”
จากข้อมูลที่ถูกบันทึกอยู่ในพิพิธภัณฑ์เงินตราแห่งประเทศญี่ปุ่น พบว่ามีหลายทฤษฎีที่อธิบายถึงสาเหตุที่เลือกใช้สกุลเงิน เยน (円) ซึ่งมี 3 ทฤษฎีที่ค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือ คือ
ทฤษฎีที่ 1 : ก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนสกุลเงิน รูปร่างของเหรียญที่ถูกใช้ในญี่ปุ่นมีหลายแบบ เช่น สี่เหลี่ยม, วงรี แต่เหรียญชนิดใหม่นั้นได้มีการกำหนดให้มีรูปร่างเป็นวงกลมทั้งหมด ซึ่งคำว่า “วงกลม” ในภาษาญี่ปุ่นคือ คำว่า “円” (เอน · en)
ทฤษฎีที่ 2 : ในประเทศจีนมีการเรียกชื่อเงินเหรียญของชาติยุโรปที่มีรูปร่างกลมว่า 銀円 (gin-en), 洋円 (yo-en) ญี่ปุ่นจึงรับเอาชื่อเรียกดังกล่าวมาใช้ตาม
ทฤษฎีที่ 3 : รัฐบาลเมจิได้ซื้อเครื่องทำเหรียญต่อจากฮ่องกง ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ในสมัยนั้นสกุลเงินของฮ่องกง คือ ー円 (ichi-en) ญี่ปุ่นจึงได้เลียนแบบ และใช้ชื่อสกุลเงินว่า 円(เอน · en) ตาม
หลายคนอาจจะสงสัยกันว่า ทำไมประวัติศาสตร์ของสกุลเงินที่ค่อนข้างมีความสำคัญต่อประเทศ กลับไม่มีหลักฐานอธิบายอย่างชัดเจน นั่นก็เพราะว่า ในปีค.ศ. 1872 เอกสารที่บันทึกเหตุการณ์การเปลี่ยนสกุลเงินได้ถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ จึงไม่อาจยืนยันที่มาที่ไปอย่างละเอียดและชัดเจนมากนัก
สรุปเนื้อหาจาก : mainichi
