วิชาภาษาญี่ปุ่นร่วมสมัย หรือ วิชาเก็นไดบุน (現代文) ในโรงเรียนมัธยมญี่ปุ่นมักจะนำวรรณกรรมชิ้นเอกของนักเขียนผู้โด่งดังที่มีเนื้อหาลึกซึ้งชวนให้คิด และสะท้อนถึงสภาพสังคม ณ ยุคสมัยนั้น ๆ มาให้เรียน เรื่อง “โคโคโระ” เป็นวรรณกรรมเรื่องดังของ นัตสึเมะ โซเซกิ นักเขียนที่คนญี่ปุ่นทุกคนต้องรู้จัก และอย่างน้อย ๆ ต้องเคยอ่านผลงานของเขาผ่านตามาบ้าง เรื่องโคโคโระนี้มีตัวละครหลัก ๆ คือ “ฉัน” และ “เซนเซ” (ซึ่งคำว่า เซนเซ นอกจากจะแปลว่าอาจารย์แล้ว ยังเอาไว้ใช้เรียกบุคคลที่เคารพอีกด้วย) เนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่ เซนเซและฉัน พ่อแม่และฉัน และสุดท้าย เซนเซและจดหมายลาตาย เราไปอ่านเรื่องราวเสมือนกับไปนั่งเรียนในโรงเรียนมัธยมญี่ปุ่นกันค่ะ
เซนเซและฉัน
ระหว่างปิดภาคเรียนฤดูร้อน ฉันกับเพื่อนไปเที่ยวทะเลที่คามากุระด้วยกัน แต่เพื่อนของฉันกลับมีธุระด่วนจึงกลับไปก่อน ฉันตัดสินใจอยู่ที่คามากุระต่อคนเดียว ระหว่างนั้นเอง ฉันได้เจอกับเซนเซ เซนเซมีอะไรสักอย่างที่น่าสนใจ ฉันจึงเข้าไปพูดคุยด้วย หลังจากนั้นมา เราสองคนก็ติดต่อกันเรื่อยมา จนฉันกลับมาที่โตเกียว ฉันยังคงไปเยี่ยมเยือนเซนเซที่บ้านเป็นครั้งคราว เซนเซอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกสาว ดูเป็นครอบครัวที่น่ารักอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกัน เซนเซก็ไม่ได้มีเพื่อนที่ไหน และดูเว้นระยะห่างออกจากสังคม อีกทั้ง เซนเซและภรรยาก็เหมือนมีระยะห่างอะไรบางอย่างอยู่ด้วย ฉันเพิ่งรู้ว่าเซนเซต้องไปไหว้หลุมศพใครสักคนที่โซชิกายะทุกเดือนคนเดียว ฉันเคยถามเซนเซเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เซนเซกลับตอบแค่ว่าเป็นหลุมศพเพื่อน และไม่อธิบายอะไรไปมากกว่านั้น ต่อมา ฉันได้รับจดหมายจากแม่ว่าพ่อกำลังป่วย จึงกลับบ้านเกิดไปดูแล พอกลับมาโตเกียวอีกครั้ง เซนเซกลับมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป เอาแต่พูดให้ฉันจัดการเรื่องมรดกก่อนที่พ่อจะตาย ตอนนั้นเองที่ฉันถามถึงอดีตของเซนเซ แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงว่า ถ้าถึงเวลาที่สมควร ฉันจะบอกเธอเอง หลังจากนั้น ฉันก็เรียนจบมหาวิทยาลัย และกลับไปบ้านเกิดสักพัก
พ่อแม่และฉัน
ระหว่างอยู่ที่บ้านเกิด ข่าวเรื่องสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิทรงพระประชวรและสวรรคตแพร่สะพัดไปทั่วญี่ปุ่น พ่อของฉันอาการเริ่มทรุดลง ทำให้ฉันต้องอยู่ดูแลจนกลับมาโตเกียวช้ากว่ากำหนด ตอนนั้นเอง มีจดหมายฉบับยาวจากเซนเซส่งมาถึงฉัน จดหมายนั้นเขียนไว้ว่า ตอนที่จดหมายนี้ถึงมือฉัน เซนเซคงจากโลกนี้ไปแล้ว และเล่าเรื่องราวในอดีตของเซนเซ
เซนเซและจดหมายลาตาย
เซนเซเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากนั้นมา ก็ได้รับการเลี้ยงดูจากคุณลุง ซึ่งคุณลุงได้ส่งเสียให้มาเรียนต่อมัธยมปลายที่โตเกียว แต่แล้ววันหนึ่งคุณลุงก็พูดเรื่องดูตัวแต่งงานขึ้นมา ซึ่งฝ่ายหญิงก็ไม่ใช่ใคร เป็นลูกสาวของคุณลุงนั่นเอง เซนเซไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่กับลูกพี่ลูกน้องคนนั้นเลย จึงตัดความสัมพันธ์ไปเสีย เซนเซเพิ่งมารู้ทีหลังว่าระหว่าง 3 ปีที่ถูกส่งมาเรียนที่โตเกียว คุณลุงได้หลอกเอามรดกของพ่อแม่ไปหมด และการที่จะให้แต่งงานกับลูกสาวตัวเอง ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากได้ผลประโยชน์จากมรดกนั่นเอง
เซนเซแยกทางจากครอบครัวและมาอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าในโตเกียว ลูกสาวของคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีจิตใจดีและคอยเอาใจใส่เซนเซ ทำให้บาดแผลในหัวใจดีขึ้นบ้าง แต่ไม่นาน เพื่อนในมหาวิทยาลัยของเซนเซที่ชื่อว่า K ก็มาพักที่บ้านเช่าเดียวกัน เซนเซ ลูกสาวเจ้าของบ้าน และ K ทั้งสามคนสนิทกันมากขึ้น แต่นั่นกลับทำให้เซนเซรู้สึกไม่สบายใจ จนวันหนึ่ง K มาสารภาพกับเซนเซว่าแอบชอบลูกสาวเจ้าของบ้าน แต่เซนเซกลับเงียบไว้และไม่สามารถตอบกลับไปได้ว่าตัวเองก็ชอบเหมือนกัน วันหนึ่งเซนเซตัดสินใจไปสู่ขอลูกสาวจากคุณนายเจ้าของบ้าน ซึ่งคุณนายและลูกสาวไม่ได้ขัดข้องอะไร มีแต่ K เท่านั้นที่มารู้เอาทีหลัง K ไม่ได้พูดอะไรนอกจากคำว่า “ยินดีด้วยนะ” สองวันหลังจากนั้น K ก็ใช้มีดฆ่าตัวตายโดยเหลือจดหมายจ่าหน้าถึงเซนเซไว้ ในจดหมายไม่ได้ว่ากล่าวอะไรเซนเซแม้แต่น้อย K เล่าเพียงว่าเขามองไม่เห็นอนาคตแล้วจึงตัดสินใจจากโลกนี้ไป เซนเซได้แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของบ้านดังหวัง และทั้งสองก็ไปไหว้หลุมศพ K ด้วยกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เซนเซก็รู้ตัวว่าตนเองเป็นต้นเหตุทำให้ K ต้องตาย และภรรยาที่เขาได้มา ต้องแลกกับชีวิต K หลังจากนั้นมา เขาไม่เคยไปไหว้หลุมศพกับภรรยาสองคนอีกเลย
ข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิเป็นจุดเปลี่ยนของเซนเซ ยุคเมจิเป็นยุคที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อเซนเซ การที่ยังมีชีวิตอยู่แม้สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิจะสวรรคตไปแล้ว ช่างเป็นอะไรที่ล้าสมัย พอเซนเซพูดเรื่องนี้กับภรรยา ก็ได้คำตอบขำ ๆ ว่า งั้นก็ตายตามไปเลยสิ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน นายพลโนงิ ผู้นำทัพในสมัยสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น และภรรยาได้ฆ่าตัวตายตามสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ นั่นทำให้เซนเซตัดสินใจตายตามไปด้วย จดหมายจบลงด้วยข้อความที่บอกว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไปตลอดกาล
ข้อชวนคิด
เรื่องโคโคโระนี้เป็นวรรณกรรมเรื่องยาว ถ้าจะเอามาให้เรียนทั้งหมด ก็คงไม่หมดเทอม ในโรงเรียนมัธยมส่วนใหญ่จึงหยิบยกเอาส่วนสุดท้าย เซนเซและจดหมายลาตาย ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องมาให้นักเรียนอ่าน อาจารย์จะนำโจทย์เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดและเหตุผลภายใต้การกระทำของตัวละครมาให้นักเรียนคิด อย่างเช่น ทำไมเซนเซถึงไม่กล้าบอกเพื่อนรักอย่าง K ถึงความรู้สึกที่มีต่อลูกสาวเจ้าของบ้าน อดีตที่เคยถูกลุงหลอกเรื่องมรดกส่งผลอะไรต่อเซนเซบ้าง เหตุใดเซนเซถึงได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย และความสัมพันธ์ระหว่างเซนเซและฉันมันคืออะไรกันแน่ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจอยากจะอ่านเรื่องนี้เต็ม ๆ เขามีแปลเป็นภาษาไทยด้วยนะคะ ลองสวมวิญญาณเป็นนักเรียนมัธยมญี่ปุ่น อ่านแล้วคิดตามเล่น ๆ กันดูค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก : hyakuhon
ผู้เขียน : monaka