“สุสานจักรพรรดินินโทคุ” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมา องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้มีการจัดประชุมคัดเลือกมรดกโลกคร้งที่ 43 และครั้งนี้กลุ่มสุสาน “โมซุ ฟุรุอิจิ” ซึ่งมีสุสานรูปรูกุญแจ (แบบหน้าตัดหลังมน) ของจักรพรรดินินโทคุซึ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (และสุสานไดเซ็น เมืองซาไก) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของนครโอซาก้าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยครับ กลายเป็นมรดกโลกในประเทศอันดับที่ 23 และได้รับการขึ้นทะเบียนติดต่อกันเป็นปีที่ 7 แล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่ “สุสานพระจักรพรรดิ” ที่อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวังในฐานะสุสานบรรพกษัตริย์ได้รับการขึ้นทะเบียน

กลุ่มสุสานฟุรุอิสร้างขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 4 ถึงปลายศตวรรษที่ 5 ประกอบด้วยสุสาน 49 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองโมซุ (ซาไก) และเขตเมืองเก่า (ฮาบิกิโนะ และฟูจิอิเดระ) ซึ่งอยู่ทางใต้ของนครโอซาก้า ซึ่งกลุ่มสุสานเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้รู้วัฒนธรรม การเมือง และเทคโนโลยีการก่อสร้างของญี่ปุ่นยุคโบราณครับ

ซึ่งสุสานของจักรพรรดินินโทคุ ที่เนินสุสานมีความยาว 485 เมตรและเป็น “สุสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก” กับสุสานของจักรพรรดิโอจิน (กลุ่มสุสานคนดะโกะเบียวยามะ เมืองฮิบิกิโนะ) ที่มีความยาว 425 เมตร เป็นเสมือนตัวแทนของสุสานรูปรูกุญแจ แต่จริง ๆ แล้วยังมีสุสานโบราณรูปทรงอื่น เช่น ทรงกลม หรือทรงหอยโฮตาเตะ (หอยเชลล์) ด้วย ซึ่ง 29 สุสานจาก 49 สุสานเป็นสุสานของราชวงศ์ ส่วนสุสานอื่นได้รับการดูแลรักษาในฐานะร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของชาติ และเรื่องของสุสานจักรพรรดินินโทคุมีเขียนเอาไว้ในหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์มัธยมต้นของญี่ปุ่นด้วยครับ

เมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมา คณะกรรมการมรดกโลกได้ทำการขึ้นทะเบียนสุสานทั้ง 49 แห่ง ซึ่งกลุ่มสุสานได้รับการประเมินว่าเป็นหลักฐานด้านโครงสร้างของสัมคมและการเมืองญี่ปุ่นยุคโบราณและพิธีการเกี่ยวกับความตายที่มีความประณีตสูงมาก อีกทั้งยังมีความเห็นจากแต่ละประเทศว่า “สุสานที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้ด้วยการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่นั้น เป็นสมบัติที่ฝังรากลึกในสัมคมท้องถิ่น”

สุสานของจักรพรรดินินโทคุนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกลุ่มสุสานที่ได้รับการระบุชื่อ ยังมีสุสานที่ไม่สามารถระบุชื่อผู้ที่ถูกฝังอยู่ในสุสานได้อยู่อีกครับ ในวงการศึกษาและหนังสือเรียนจึงเรียกตามชื่อท้องที่ที่ตั้งอยู่ว่า “กลุ่มสุสานไดเซ็น” แต่ในเอกสารแนะนำได้เขียนเอาไว้ว่าเป็น “สุสานของบรรพกษัตริย์” ที่ได้รับการดูแลจากสำนักพระราชวังในฐานะสุสานของราชวงศ์

กลุ่มสุสานกระจายตัวอยู่ในเมืองและเรื่องที่ว่าจะปิดรักษาไว้หรือเปิดให้เป็นสมบัติของเมืองยังเป็นปัญหาที่พูดถึงกันมายาวนาน นอกจากนี้ยังมีแผนการก่อสร้างหอชมวิวและรถไฟลอยฟ้าข้าง ๆ สุสานจักรพรรดินินโทคุด้วยครับ ซึ่งการรักษาสมดุลระหว่างท่าทีสนับสนุนให้เปิดตัวหรือรับนักท่องเที่ยวกับการปิดรักษาไว้ก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดถึงหลังจากนี้ต่อไปอีก

จากการที่กลุ่มสุสานได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทำให้มรดกโลกในประเทศญี่ปุ่นมี 19 แห่ง และมีมรดกโลกทางธรรมชาติมี 4 แห่ง ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลกฤดูร้อนปี 2020 ยังมีกำหนดการปรึกษาหารือการขึ้นทะเบียน “เกาะอามามิโอชิมะ เกาะโทคุโนะชิมะ และหมู่เกาะยัมบารุโอโยบิอิริโอโมเตจิมะ” (โอกินาวะและจังหวัดคาโกชิมะ) ด้วย

ซึ่งในวันเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะได้เขียนข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “นี่เป็นการส่งสัญญาณอย่างกระตือรือร้นถึงเสน่ห์ในฐานะสมบัติของโลก และจะสืบเนื่องไปจนถึงยุคต่อไป จึงอยากให้ตัดสินใหม่อีกครั้ง” ด้วยครับ

ด้านคุณซาคาอิ ทาคายูกิ หัวหน้าหอจดหมายเหตุสำนักพระราชวังได้แสดงความเห็นว่า “การที่สถานที่ที่ประเทศของเราแนะนำไปได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ด้วยเงื่อนไขว่าจะต้องรักษา “เกียรติและศักดิ์ศรี” ในฐานะสุสานของบรรพกษัตริย์ ทำให้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือในการอนุรักษ์ไว้สืบไป”

ผู้เขียน: HAKURO

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save