คนไทยเรารู้กันมานานแล้วว่าคนญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลก แต่เพื่อนๆ ทราบไหมคะว่าจังหวัดโอกินาวา (沖縄県) เป็นจังหวัดที่ประชากรอายุยืนมากจนถูกจัดให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ Blue Zone ของโลกค่ะ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนโอกินาวาอายุยืนนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลค่ะ แต่อยู่ในวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ของคนโอกินาวานี่เองค่ะ ปัจจัยเหล่านั้นคืออะไร? ตามไปดูผลสำรวจ Blue Zone ของ Dan Buettner ที่ anngle ได้สรุปมาฝากเพื่อนๆ กันเลยค่ะ
Blue Zone คืออะไร?
เพื่อนๆ เห็นคำว่า Blue Zone ในคำเกริ่นข้างบนแล้วอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไรแล้วกินได้ไหม? Blue Zone คือชื่อที่ใช้เรียกพื้นที่ที่มีการสำรวจแล้วพบว่าประชากรในพื้นที่มีอายุยืนกว่าพื้นที่อื่นค่ะ โดยอายุยืน ณ ที่นี้สามารถหมายถึงการที่คนในพื้นที่มีอายุยืนถึง 100 ปีในอัตราจำนวนคนที่สูงกว่าปกติ หรือ มีอายุขัยสูงกว่าที่อื่นๆ หรือ มีอัตราจำนวนประชากรที่เสียชีวิตในวัยกลางคนต่ำค่ะ จากการสำรวจของ Dan Buettner พื้นที่ที่ถูกระบุว่าเป็น Blue Zone ได้แก่เมืองซาร์ดิเนีย (Sardinia) ประเทศอิตาลี เมืองอิคาเรีย (Icaria) ประเทศกรีซ และจังหวัดโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นค่ะ
อะไรช่วยให้คนโอกินาวามีอายุยืน?
จากผลสำรวจของ Dan Buettner เราสามารถระบุปัจจัยสำคัญในวิถีชีวิตของคนโอกินาวาที่ช่วยให้พวกเขาอายุยืนได้ 4 ปัจจัยด้วยกันตามนี้ค่ะ
อาหารและการกินแบบฮารา ฮาจิบุ (腹八分)
การกินอาหารแบบฮารา ฮาจิบุของคนโอกินาวานี้เป็นการกินจนรู้สึกว่าอิ่มสัก 80% แล้วจึงหยุดกินค่ะ กล่าวคือให้กินแค่จนกว่าจะรู้สึกเกือบอิ่มค่ะ ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ที่พบว่าการกินให้ไม่อิ่มจนเกินไปช่วยให้เราสุขภาพดีขึ้นได้ค่ะ โดยทริคในการกินอาหารให้ไม่อิ่มจนเกินไปของคนโอกินาวาคือการกินอาหารในจานหรือชามเล็กๆ ค่ะ นอกจากนี้ อาหารท้องถิ่นของโอกินาวาจะประกอบด้วยผัก ปลา ผลไม้ และเต้าหู้เป็นหลัก ซึ่งเข้าข่ายอาหารคลีนอย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ
เครือข่ายสังคมแบบโมไอ (模合)
โมไอนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรูปปั้นหินที่หมู่เกาะอีสเตอร์ แต่เป็นเครือข่ายสังคมของคนโอกินาวาค่ะ ซึ่งเครือข่ายสังคมนี้เป็นสิ่งที่พวกเขามีมาแต่เกิดและสามารถอยู่คู่กับคนคนหนึ่งได้นานพอสมควรค่ะ โดยคนในกลุ่มโมไอเดียวกันนี้ก็จะคอยดูแลซึ่งกันและกันและเป็นเพื่อนที่เรียกได้ว่าโตมาด้วยกันและแก่ไปด้วยกันค่ะ ระหว่างสำรวจ Dan ได้พบคุณยายคนหนึ่งที่อยู่กับกลุ่มโมไอกลุ่มเดิมมาแล้ว 98 ปีค่ะ โดยคุณยายมักจะมานั่งดื่มสาเกและพูดคุยกับเพื่อนๆ กลุ่มนี้ประจำ การคอยดูแลกันและกันในยามยากและการมีเพื่อนนี่เองที่ช่วยให้คนในกลุ่มโมไอเดียวกันไม่รู้สึกเหงาและมีสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งนำไปสู่การมีอายุยืนได้เช่นกันค่ะ
การออกกำลังกายอย่างเป็นธรรมชาติ
ในเรื่องการออกกำลังอย่างเป็นธรรมชาตินี้ Dan Buettner ได้ระบุเจาะจงไปที่ศิลปะการต่อสู้ค่ะ โดยเพื่อนๆ บางคนอาจจะทราบแล้วว่าโอกินาวาถือเป็นแหล่งกำเนิดของคาราเต้ (空手) ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นที่พวกเรารู้จักกันดีค่ะ ซึ่งจากการศึกษา Dan Buettner ระบุว่าศิลปะการต่อสู้นี้ช่วยให้ผู้ฝึกได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงได้ฝึกการถ่ายน้ำหนักไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายและการทรงตัวอีกด้วยค่ะ ซึ่งต่างจากการออกกำลังอย่างวิ่งจ๊อกกิ้งหรือยกน้ำหนักที่จะเน้นการใช้กล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นหลักค่ะ
อิคิไก (生きがい)
เพื่อนๆ อาจจะงงว่าอิคิไกคืออะไรและช่วยอะไรได้ นิยามง่ายๆ ของอิคิไกคือ “เหตุผลที่เราลืมตาตื่นขึ้นมาในทุกเช้า” กล่าวคือ “เหตุผลในการมีชีวิตอยู่” นั่นเองค่ะ โดยคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเราทุกคนล้วนมีอิคิไกของตนเองอยู่แล้ว แค่ว่าเราต้องตามหามันเท่านั้นเองค่ะ อิคิไกจะต้องเป็นทั้งสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราถนัด สิ่งที่เราใช้เลี้ยงชีพได้ และต้องเป็นสิ่งที่สังคมต้องการจากเราด้วยค่ะ ซึ่งคนที่ค้นพบอิคิไกของตัวเองจะมีความมุ่งมั่นและพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำค่ะ และจากผลการสำรวจเชื่อว่าการมีความสุขในทุกๆ วันของชีวิตนี้จะช่วยต้านความเศร้าและความเครียดต่างๆ และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ค่ะ (เพื่อนๆ ที่สนใจอ่านเรื่องอิคิไกเพิ่มเติมสามารถเข้าไปตามอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ)
นอกจากปัจจัยหลัก 4 อย่างที่ได้สรุปมาข้างต้นแล้ว ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนโอกินาวาอีกมากที่ Dan Buettner ได้พบระหว่างการสำรวจซึ่งเขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำให้วีถีชีวิตที่โอกินาวามีความโดดเด่นค่ะ ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้คืออะไรนั้น เราคงต้องติดตามต่อในหนังสือ The Blue Zone ของเขา หรือคงต้องรอให้เราไปสำรวจเองแล้วค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก nationalgeographic, psychologytoday, ikigaiway, netdna, thewaiterspad