คาดว่าผู้อ่านบางคนอาจจะรู้จักหรือเคยเห็น “โอมิคุจิ”「おみくじ」หรือเซียมซีญี่ปุ่นกันมาบ้าง เราสามารถหาเซียมซีแบบนี้ได้ตามวัดและศาลเจ้าต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น จริงๆ แล้วโอมิคุจิมีหลายรูปแบบ บางที่อาจจะมาในรูปแบบกระบอกที่ใส่แท่งไม้เขียนหมายเลขเหมือนใบเซียมซีที่เรามักเห็นได้ในไทยก็มี หรือบางที่จะให้สุ่มหยิบกระดาษในกล่องหรือหยอดเหรียญเพื่อรับคำทำนายก็มีเหมือนกัน
「おみくじ」についてですが、境内におみくじを結ぶところがあるので持ち帰ってはいけないのではと思う方もいらっしゃると思いますが、持ち帰ってもかまいません。書いてある内容が大切ですので、後で読み返し、今後の生活にお役立てください。#笠間稲荷 #東京 #日本橋 #人形町 #浜町#おみくじ pic.twitter.com/SNVMMtsGxw
— 笠間稲荷神社 東京別社 (@Kasama_Tokyo) January 16, 2021
ในโอมิคุจิที่เราสุ่มได้ จะระบุระดับความโชคดีไว้หลายระดับ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละวัดหรือศาลเจ้า ในบทความนี้ เราจะพาไปดูวิธีการอ่านโอมิคุจิ รวมถึงความเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับโอมิคุจิของญี่ปุ่นกัน
คำทำนายและระดับความโชคดีโชคร้าย
สิ่งแรกที่เรามักจะดูหลังจากเปิดคำทำนายขึ้นมา คือมองหาคำว่า “โชคดี” 「吉」หรือ “โชคร้าย” 「区」ก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วโอมิคุจิมีการแบ่งความโชคดีและโชคร้ายออกเป็นหลายระดับ เช่น
การแบ่งระดับที่เห็นกันบ่อยที่สุด น่าจะเป็นการแบ่ง 7 ระดับ ได้แก่
大吉 → 中吉 → 小吉 → 吉 → 末吉 → 区 → 大凶
ไดคิจิ (โชคดีที่สุด) → ชูคิจิ (โชคดีปานกลาง) → โชคิจิ (โชคดีเล็กน้อย) → คิจิ (โชคดี) → ซุเอะคิจิ (เกือบโชคดี) → เคียว (โชคร้าย) → ไดเคียว (โชคร้ายที่สุด)
นอกจากนี้ บางที่มีการแบ่งระดับให้ถี่ขึ้นไปอีก เป็น 12 ระดับ ได้แก่
⼤吉 → 中吉 → ⼩吉 → 吉 → 半吉 → 末吉→ 末⼩吉 → 凶 → ⼩凶 → 半凶 → 末凶 → ⼤凶
ไดคิจิ (โชคดีที่สุด) → ชูคิจิ (โชคดีปานกลาง) → โชคิจิ (โชคดีเล็กน้อย) → คิจิ (โชคดี) → ฮังคิจิ (โชคดีครึ่งๆ) → ซุเอะคิจิ (เกือบโชคดี) → ซุเอะโชคิจิ (โชคดีแต่เกือบโชคร้าย) → เคียว (โชคร้าย) → โชเคียว (โชคร้ายเล็กน้อย) → ฮังเคียว (โชคร้ายบ้าง) → ซุเอะเคียว (โชคร้ายมาก) → ไดเคียว (โชคร้ายที่สุด)
การแบ่งระดับที่มีความถี่แตกต่างกัน มีที่มาจากพระรูปหนึ่งนามว่า “เรียวเก็น” 「良源」 ซึ่งเป็นผู้คิดค้นโอมิคุจิขึ้นได้ระบุไว้ใน “คัมภีร์สามปรมาจารย์โอมิคุจิ” หรือ “กันซังไดชิมิคุจิโจ” 「元三⼤師御籤帳」ว่า
ความโชคดีโชคร้ายนั้น 80% มักจะเป็นในระดับ โชคดีที่สุด (“ไดคิจิ” ⼤吉) โชคดี (“คิจิ” 吉) และ โชคร้าย (“เคียว” 凶) ส่วนอีก 20% ที่เหลือสามารถจัดการได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละวัดหรือศาลเจ้าต่างๆ จะกำหนด
ถ้าจับได้ “โชคร้าย” ควรทำอย่างไร?
ส่วนใหญ่ตามวัดหรือศาลเจ้าจะจัดพื้นที่เป็นเสา เชือก หรือต้นไม้ ไว้สำหรับผู้ที่จับโอมิคุจิได้โชคร้ายนำคำทำนายไปผูก ตามความเชื่อที่ว่า สิ่งที่ไม่ดีก็ให้ทิ้งเอาไว้ที่วัดหรือศาลเจ้านั้น ส่วนคนที่จับได้โชคดีก็นำใบคำทำนายนั้นกลับบ้านไปด้วย
แต่ในความเป็นจริงแล้วคนญี่ปุ่นเองก็มีความเชื่อหลากหลายแตกต่างกันไป มีบางคนที่ผูกใบคำทำนายทิ้งไว้ที่วัดหรือศาลเจ้าเลยไม่ว่าเนื้อหาในใบนั้นจะเป็นอย่างไร เนื่องจากมีความเชื่อว่าต้องการเชื่อมต่อดวงกับพระเจ้าเพื่อให้คอยปกป้องดูและพวกเขา ในขณะเดียวกัน บางคนแม้ว่าจะจับได้โชคร้ายแต่ก็อยากนำใบคำทำนายกลับไปอ่านเป็นเครื่องเตือนใจหรือเป็นแนวทางในการระมัดระวังในการดำเนินชีวิตก็มีเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าหากจับได้ โชคร้าย (“เคียว” 凶) หรือ โชคร้ายที่สุด (“ไดเคียว” ⼤凶) แล้วผูกไว้ที่วัดหรือศาลเจ้าจะช่วยทำให้สิ่งที่ร้ายกลายเป็นดีได้
สำหรับสถานที่ที่วัดหรือศาลเจ้าเตรียมไว้ให้ผูกโอมิคุจิมักเป็นเสาโลหะแนวนอนหรือเชือกเส้นยาวๆ เพื่อให้คนสามารถนำใบคำทำนายมาผูกต่อกันได้หลายๆ ใบ สำหรับวิธีการผูกก็ไม่ได้มีกำหนดตายตัว แต่โดยทั่วไปมีวิธีการผูกดังนี้
- พับใบเซียมซีเป็นครึ่งหนึ่งตามแนวตั้ง และพับครึ่งอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้กลายลักษณะเส้นยาวๆ
- พับปลายด้านหนึ่งรอบเสาที่จะผูก ให้เป็นลักษณะตัวอักษรคาตาคานะ “ฟุ” 「フ」
- ตวัดปลายด้านที่ชี้ลงขึ้นมาผูกกับเสา
- หลังจากผูกแล้ว สามารถพับปลายทั้งสองด้านเก็บเพื่อความเรียบร้อยได้ด้วย
นอกจากนี้ บางที่มีความเชื่อว่าถ้าจับได้โชคร้าย หากใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเพียงข้างเดียวเพื่อผูกโอมิคุจิจะช่วยให้สามารถผ่านพ้นสิ่งเลวร้ายนั้นไปได้ และจะเริ่มมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตอีกด้วย
คนที่เฝ้ารอ หรือ “มะจิบิโตะ”「待ち人」
須賀神社ってところで
おみくじ2種類引いた😒💦
待ち人来るのかこないのか
恋愛は神に祈り愛を告げる?!
告げることないわ😒
から時を待つ🐶🦴ピッて止まっとけばいいんだ😐 pic.twitter.com/RqoHiQjM0K
— MIKU姉★ちびっ子番長大型二輪取得!! (@pippe1231) January 21, 2021
หัวข้อคำทำนายที่ปรากฏในโอมิคุจินั้นมีหลากหลาย หัวข้อที่มักพบได้บ่อยๆ เช่น สุขภาพ การโยกย้าย (ที่อยู่) การหมั้นหมายหรือการแต่งงาน นอกจากนี้ยังมีหัวข้อที่บางคนอาจไม่คุ้นเคยอย่าง “คนที่เฝ้ารอ” หรือ “มะจิบิโตะ”「待ち人」ด้วย
คำว่า “คนที่เฝ้ารอ” ในที่นี้มีความหมายกว้าง สามารถรวมถึงคนรัก ครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก หรือบรรดาคนที่จะเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตเรา ทั้งนี้ “คนที่เฝ้ารอ” ในความหมายของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าช่วงเวลานั้นสิ่งที่เราสนใจหรือตั้งเป้าหมายไว้คืออะไร
แน่นอนว่าการจับโอมิคุจินั้น ผลที่ได้ของแต่ละคนคงมีทั้งดีและไม่ดีคละกันไป สำหรับคนที่จับได้ “เคียว” 「区」ก็อยากให้คิดเสียว่าคำแนะนำที่เขียนอยู่ในคำทำนายนั้นเป็นแนวทางและเป็นเครื่องเตือนใจให้เรามีสติกับการใช้ชีวิตในอนาคตก็แล้วกัน
มาถึงตรงนี้ หวังว่าผู้อ่านคงจะพอเข้าใจ “โอมิคุจิ” หรือใบเซียมซีญี่ปุ่นกันมากขึ้น สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์จับโอมิคุจิ หากในอนาคตได้แวะไปเยี่ยมชมวัดหรือศาลเจ้าที่ญี่ปุ่นจะลองไปรับคำทำนายบ้างก็ได้นะ
สรุปเนื้อหาจาก: Japan Culture Lab
ผู้เขียน: MIZUNOHANA