มังงะและการ์ตูนแอนิเมชัน ถือเป็นสินค้าอย่างหนึ่งที่คนญี่ปุ่นแสนภาคภูมิใจ และจากความสำเร็จในการสร้าง Soft Culture ผ่านความบันเทิงอย่างมังงะและแอนิเมชันเหล่านี้ ก็เป็นที่คาดการณ์ว่ามังงะและแอนิเมชันจะกลายเป็นสินค้าอย่างหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความสำเร็จของแอนิเมชันเรื่อง Demon Slayer หรือ Kimetsu no Yaiba ในปีนี้ ก็ทำให้ทางการญี่ปุ่นหันกลับมาพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณ GDP เสียใหม่ โดยจะรวมเอาค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตมังงะ และต้นฉบับของแอนิเมชัน เช่น ค่าแรงของบุคลากร ค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ มาคำนวณเพื่อหา GDP ของประเทศด้วย
ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้จำนวนของคนที่ใช้เวลาอยู่ในบ้าน เสพย์ความบันเทิงแบบ Home Entertainment มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งความนิยมในบริการสตรีมมิ่งต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้จำนวนของผู้ผลิตคอนเทนต์และจำนวนของคอนเทนต์มีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ที่ผ่านมาทางการญี่ปุ่นจะไม่ได้นำเอาค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ ด้านบุคลากรที่เกี่ยวกับการผลิตต้นฉบับมังงะและแอนิเมชัน มาคำนวณหา GDP ของประเทศ แต่ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ นำเอาค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาคำนวณหา GDP โดยถือเป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุน
จากความสำเร็จของมังงะและแอนิเมชันญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จอย่างสูงทั้งในและนอกประเทศของอนิเมชันซีรีส์ Kimetsu no Yaiba ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าสินค้าเพื่อความบันเทิงอย่างมังงะและอนิเมชันจะสามารถดึงให้ GDP ของประเทศญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นได้เป็นอย่างมากในอนาคต
นอกจากนี้แหล่งข้อมูลของทางการยังเปิดเผยว่า ในกรณีที่มีการคำนวณ GDP แบบใหม่ โดยนำเอาค่าใช้จ่ายในการสร้างมังงะและอนิเมชันมาร่วมคำนวณเป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุนแล้วละก็ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะกินส่วนแบ่งถึง 0.2% จากทั้งหมดเมื่อคำนวณจาก GDP ในปี 2015 หรือราว 9 แสนล้านเยนเลยทีเดียว
ถึงแม้ในปัจจุบันขนาดตลาดของมังงะและอนิเมชันจะยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมเพียงเล็กน้อย แต่หากครีเอเตอร์ของญี่ปุ่นสามารถผลิตผลงานที่ได้รับความนิยมและการยอมรับในระดับโลกได้แล้วละก็ เชื่อว่าในอนาคตมังงะและแอนิเมชันอาจจะกลายเป็นพลังสำคัญในการพาเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้เติบโตก็เป็นได้
สรุปเนื้อหาจาก: fnn, kimetsu.com
