ทำไม “Kamen Rider Zero-One” เป็นซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ที่ต้องไปตำ?

Kamen Rider Zero-one cover

ซีรีส์ Kamen Rider Zero-One (มาสค์ไรเดอร์เซโร่วัน) นั้นออกอากาศตั้งแต่กันยายน 2019 ถึงสิงหาคม 2020 ถึงแม้จะผ่านมาปีเศษ ๆ แล้ว แต่เนื้อเรื่องไม่เก่าเลย เพราะพูดถึงโลกอนาคตที่ AI อยู่ร่วมกับมนุษย์และช่วยเหลือมนุษย์ในทุกด้านและทุกวิชาชีพ ซึ่งค่อนข้างจะใกล้เคียงกับโลกแห่งความจริงในยุคปัจจุบันที่มนุษย์มีแนวโน้มจะพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นตระกูลหนังแปลงร่าง แต่ก็มีเนื้อเรื่องที่น่าติดตามมากเมื่อพิจารณาจากสภาพของยุคปัจจุบันที่ชีวิตมนุษย์แทบจะขาดเทคโนโลยีไม่ได้อีกต่อไป

เรื่องย่อของ Kamen Rider Zero-One

Kamen Rider Zero-one (Aruto-Hiden)
ฮิเดน อารุโตะ พระเอกของซีรีส์ Kamen Rider Zero-one แสดงโดยทาคาฮาชิ ฟุมิยะ

ในโลกยุคอนาคต มีการพัฒนาเทคโนโลยี AI ไปถึงขั้นสูง สามารถมี AI ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทุกอย่างเรียกว่า Humagear และมนุษย์จำนวนมากใช้ Humagear ในการทำงานต่าง ๆ แทนมนุษย์ ตั้งแต่เป็นหมอ เซลส์ขายบ้าน นักวาดการ์ตูน นักเล่นตลกคาเฟ่ เลขาประธานบริษัท ฯลฯ โดยพระเอกของเรื่องจับพลัดจับผลูรับสืบทอดตำแหน่งประธานบริษัท Hiden Intelligence ที่เป็นผู้ผลิต Humagear รายใหญ่ และชะตาลิขิตให้ต้องกลายเป็น Kamen Rider Zero-One เพื่อต่อกรกับผู้ก่อการร้ายไซเบอร์ที่มีชื่อองค์กรว่า MetsubouJinrai.net ซึ่งจะคอยแฮ็คระบบให้ HumaGear ที่ช่วยงานมนุษย์กลายเป็นหุ่นยนต์ปีศาจที่คอยเข่นฆ่ามนุษย์ไปเสีย โดยจุดมุ่งหมายขององค์กร MetsubouJinrai.net นั้นคือกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สูญสิ้นไปจากโลก

คำว่า Zero-One ที่เป็นชื่อของภาคนี้ มีที่มาจากปีเรวะที่ 1 (令和1年) เพราะเป็น Kamen Rider ภาคแรกของยุคเรวะพอดี อีกทั้งยังหมายถึงเลข 0 และเลข 1 ซึ่งเป็นพื้นฐานของดิจิตอลที่เป็นแหล่งพลังของตัวละครหลักทุกตัวในเรื่อง เรียกว่าเข้าใจตั้งชื่อมาก

ทำไมคุณควรดูเรื่องนี้

เรื่องนี้มีพล็อตที่อ้างอิงจากโลกแห่งความจริงอยู่มาก โดยเฉพาะสังคมญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานจากภาวะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและมีเด็กเกิดใหม่น้อย ทำให้การพึ่งพา AI มีความจำเป็นต่อการอยู่รอดของประเทศชาติ ซึ่มซีรีส์นี้เอาแนวคิดดังกล่าวมาต่อยอดให้ถึงขั้นมี Humagear เป็นร่างคนมาช่วยงานมนุษย์กันจริง ๆ ไปเลย

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึง “ภาวะ Singularity” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถูกพูดถึงในโลกปัจจุบันของเราด้วย โดยคำนิยามของ Singularity คือการที่ AI เข้าสู่ภาวะที่เหนือกว่ามนุษย์ทุกด้าน กล่าวคือสามารถมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างหรือพัฒนา AI ต่อ ๆ ไป รวมถึงสามารถตัดสินใจอะไรต่อมิอะไรเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์อีกต่อไป อาจตีความได้ว่า Singularity คือ ภาวะที่ AI กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งไป และอาจนำไปสู่การสิ้นสุดของมนุษยชาติ ก็ว่าได้

นอกจากพล็อตแล้ว Kamen Rider Zero-One ยังได้นักแสดงมากฝีมือหลายท่าน ทั้งตัวเอกทุกตัวและตัวร้ายทุกตัวคือ ทั้งหน้าตาดีหล่อ สวย เท่, ฝีมือแสดงเด่น มีการพัฒนาคาแรคเตอร์ของตัวละครอย่างชัดเจนมาก ชนิดว่าตอนเริ่มเรื่องกับตอนจบคือตัวละครทุกตัวมาไกลมากจนกลายเป็นคนละคนกันไปแล้วเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ปมความขัดแย้ง (Conflict) ทั้ง 3 แนวทางของสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์และ AI ที่น่านำมาคิดต่อคือ:

1) แนวทางของพระเอก – เชื่อว่าโลกในอนาคตจะเป็นโลกที่มนุษย์และ AI จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพราะ AI จะช่วยเหลือมนุษย์ในทุกด้าน และมนุษย์ก็จะให้เกียรติและเคารพ AI ในฐานะที่ไม่ต่างจากเป็นมนุษย์เช่นกัน โดย AI จะสามารถเรียนรู้สิ่งดี ๆ จากมนุษย์และเติบโตต่อไปได้

2) แนวทางของ อะมัทสึ ไก (ตัวละครสีเทา ๆ ตัวหนึ่งในเรื่อง) – เชื่อว่า AI นั้นเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ต่างจากอุปกรณ์อะไรสักอย่าง ดังนั้น AI จึงมีไว้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างความร่ำรวยทางธุรกิจเท่านั้น

3) แนวทางของกลุ่มก่อการร้าย MetsubouJinrai.net – เชื่อว่ามนุษย์ควรจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ลงไป และโลกควรจะตกเป็นของเหล่า AI แทน

การปะทะกันของแนวทางทั้ง 3 ในเรื่องล้วนชวนให้คนดูอย่างเราคิดตามว่าในโลกแห่งความจริงนั้น ทิศทางของการพัฒนาและการใช้ AI จะเป็นอย่างไรต่อไป และทิศทางไหนใน 3 แนวทางนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทั้งหมดนี้จึงทำให้เรื่อง Kamen Rider Zero-One เป็นซีรีส์ที่ทำหน้าที่สื่อบันเทิงที่ดีได้อย่างสมบูรณ์แบบ คือให้ความบันเทิง และให้แง่คิดต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้คิดถึงโลกแห่งความจริงรอบตัวผู้ชมด้วย

เกี่ยวกับผู้เขียน

writer weerayut

วีรยุทธ พจน์เสถียรกุล เป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นมาแล้วถึง 4 แห่ง โดยเคยได้รับทุนแลกเปลี่ยนระหว่างที่ว่าการจังหวัด Okinawa และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปศึกษาที่ The University of the Ryukyus รวมทั้งเคยได้รับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นแบบสอบผ่านสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ไปศึกษาที่ 1) Tokyo University of Foreign Studies / 2) International Christian University / และ 3) Keio University มีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลาย เคยเป็นผู้สื่อข่าวและผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ให้บริษัท Nippon Production Service (บริษัทในเครือสถานีโทรทัศน์ NHK) / เป็นผู้สอนภาษาไทยที่สถาบันภาษาไทยหลายแห่งในโตเกียว / เป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติที่สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) / เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจและการตลาดให้บริษัท Corporate Directions Inc. ของประเทศญี่ปุ่น / เป็นผู้ก่อตั้งสาขาภาษาญี่ปุ่นธุรกิจของคณะศิลปศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ / เป็นผู้อำนวยการบริษัท AIRA Capital และเป็นทีมงานก่อตั้งบริษัท AIRA and AIFUL รวมทั้งบัตรกดเงินสด A-Money / เป็นที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ของบริษัท TOYO Business Service / เป็นที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ของบริษัท JECC ประเทศญี่ปุ่น / เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจของบริษัท Business Consultants South East Asia / มีประสบการณ์สอนในมหาวิทยาลัยมากกว่า 10 แห่งในประเทศไทย / เป็นที่ปรึกษาและจัดฝึกอบรมให้องค์กรหลายแห่ง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save