มื้อกลางวันท่ามกลางบรรยากาศแจ่มใสใจกลางเมืองโตเกียวที่เราจะได้หลีกหนีความวุ่นวายด้านล่างขึ้นมาพักผ่อนสบายๆ หรือจะจิบชายามบ่ายบนความสูง 200 เมตรของโรงแรม Four Seasons Hotel Tokyo at Otemachi ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว นอกจากมื้ออาหารกลางวันแล้วยังสามารถทานมื้อเย็นเป็นเมนูอาหารอิตาเลียนต้นตำรับแท้ๆ หลากหลายเมนูจากเชฟอาหารอิตาเลียนมากฝีมือได้ด้วย
เคยไหมกับความเบื่อหน่ายในสังคมเมืองที่วุ่นวายจนอยากจะหนีไปไหนสักพัก ซึ่งในโตเกียวก็มีสถานที่หนึ่งเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ กับโซน Roof Top ที่อยู่สูงถึง 200 เมตร เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนผ่อนคลายพร้อมอาหารอิตาเลียนตามแบบต้นตำรับ กับทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวที่เมื่อมองจากมุมสูงระดับนี้แล้วกลับดูสวยและมีชีวิตชีวากว่าที่เคย
เตรียมดื่มด่ำกับมื้ออาหารอิตาเลียนแท้ต้นตำรับบน Roof Top “PIGNETO” ชั้น 39 ของโรงแรม Four Season สาขา Otemachi ที่เผยทิวทัศน์อันมีชีวิตชีวาของกรุงโตเกียวให้ได้ชมกันแบบพาโนรามา พร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2023 เป็นต้นไป
พบมื้อกลางวันแสนอร่อยกับการพักผ่อนสไตล์รีสอร์ทใจกลางเมืองโตเกียว ที่ Roof Top “PIGNETO”
การผ่อนคลายท่ามกลางอากาศสดชื่นที่มองเห็นความคึกคักของตัวเมืองด้านล่างและพื้นที่เขียวขจีบริเวณพระราชวังอิมพีเรียล นอกจากนี้หากเป็นวันที่อากาศสดใสก็จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย
ท่ามกลางสายลมเย็นสบายและแสงแดดอ่อนๆ มาพร้อมความพิเศษของเมนูอาหารอิตาเลียนปรุงด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลจากฝีมือหัวหน้าเชฟ Kigawa Yoshihiro ที่จะทำให้ทุกคนดื่มด่ำมื้ออาหารแสนอร่อยและร่วมแบ่งปันช่วงเวลาสุดพิเศษกับคนสำคัญอย่างครอบครัวและเพื่อนฝูง และขอแนะนำให้ลิ้มลองพิซซ่าแท้ๆ อบด้วยความร้อนจากเตาอบพิซซ่าและเวลาที่พอเหมาะ จากความพิถีพิถันในการหมักแป้งโด ฝีมือเชฟชาวอิตาเลียน Alessandro De Leo ผู้เชี่ยวชาญการทำพิซซ่า
ตัวอย่างเมนู
– Course menu : TRASTEVERE course เสิร์ฟ 3 อย่างราคา 6,900 / PANTHEON (เฉพาะวันธรรมดา) เสิร์ฟ 4 อย่างราคา 9,900
– Pizza : Margherita (ซอสมะเขือเทศ, มอสซาเรลล่าชีสและใบโหระพา) ราคา 3,600 yen / Burrata (มอสซาเรลล่าชีส, บูราต้า, เห็ดทรัฟเฟิล และพาเมซานชีส ราคา 5,800 yen)
– อาหารเมนู a la carte อื่นๆ อีกมากมายเวลาทำการ
Lunch Time : 11:30 – 14:30 น. (รับออเดอร์สุดท้ายเวลา 14:30 น.)
Tea Time : 14:30 – 17:00 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 16:30 น.)
บรรยากาศสุดว้าวยามอาทิตย์ตกและดินเนอร์คอร์สสุดประทับใจ
เมื่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าจะเผยให้เห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสีที่สวยงามจนมิอาจละสายตา และเมื่อยามที่ความมืดเข้าปกคลุมแทนที่ท้องฟ้าหลากสีเหล่านั้น ก็จะทำให้เราได้เห็นความมีชีวิตชีวายามค่ำคืนที่แตกต่างจากบรรยากาศช่วงกลางวันไปโดยสิ้นเชิง พร้อมออเดิร์ฟและเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยสไตล์อิตาเลียน, เบียร์, สปาร์คกลิ้งไวน์และอื่นๆ ให้เลือกดื่มมากมาย เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพบปะเชิงธุรกิจหรือการสังสรรค์สไตล์ผู้ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง
ตัวอย่างเมนู
เฉพาะวันธรรมดา : พบกับคอร์ส Sunset Apperitivo Free Flow Plan (60 นาที) ราคา 6,900 เยน
(เครื่องดื่มประเภทเบียร์, ไวน์แดงและไวน์ขาว, สปาร์คกลิ้งไวน์, ค็อกเทลหลากชนิด และอาหารเรียกน้ำย่อยส่งตรงจากอิตาลี)– คอร์สอาหารตามแต่ละภูมิภาคของของอิตาลีกับ “VIAGGIO IN TRENO” ราคา 15,000 เยน
– Fiorentina (สำหรับ 2 ที่) เสิร์ฟเมนู T-bone steak 1kg และซอสไวน์ Chianti ราคา 17,000 yen
– อาหารเมนู a la carte อื่นๆ อีกมากมายเวลาทำการ
Dinner Time : 17:30 – 22:00 (รับออเดอร์สุดท้ายเวลา : แบบคอร์ส 21:00, แบบ a la carte 21:30)
*ราคาเมนูอาหารทั่วไปที่ไม่ใช่เมนูพิเศษเป็นราคาที่รวมภาษีและ Service Charge แล้ว
*ข้อมูลที่นำเสนอและเวลาอาจเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้ารายละเอียดการจองร้านอาหาร
เบอร์โทรศัพท์ : 03 (6810) 0655
Website : tablecheck.com
เปิดประสบการณ์อาหารอิตาเลียนที่ PIGNETO
PIGNETO เป็นชื่อที่ตั้งชื่อตามย่าน “Piñeto” ของกรุงโรม เป็นย่านที่คึกคักมีชีวิตชีวา ภายใต้ธีมความยินดีแห่ง abbondanza (ชีวิตที่อุดมสมบูณ์) สามารถผ่อนคลายในบรรยากาศอันแสนสดชื่นไปพร้อมๆ กับการชมทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวได้แบบพาโนรามา นอกจากตัวเมืองที่มีชีวิตชีวาด้านล่างแล้วยังสามารถเห็นทิวทัศน์เขียวขจีสบายตาที่อุดมสมบูรณ์ของป่าบริเวณพระราชวังอิมพีเรียลได้อย่างชัดเจน และสามารถเพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารอิตาเลียนสูตรต้นตำรับให้ได้เลือกทานอย่างหลากหลายอีกด้วย
ที่อยู่ : ชั้น 39 Four Seasons Hotel Tokyo Otemachi, 1-2-1 Otemachi, Chiyoda-ku, Tokyo
เบอร์โทรศัพท์ : 03-6810-0655
ทำความรู้จักกับเชฟอาหารอิตาลีมากประสบการณ์
ประวัติหัวหน้าเชฟ PIGNETO Kigawa Yoshihiro
ชาวโตเกียวที่ใช้ชีวิตวัยเด็กท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวัตถุดิบนานาชนิดในย่านชานเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องผลผลิตทางการเกษตร จึงทำให้เขามีประสาทสัมผัสการรับรสไวซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของนักทำอาหาร และจุดเริ่มต้นเส้นทางเชฟของเขาเริ่มขึ้นในวัย 19 ปี เมื่อเขาเกิดหลงใหลในเมนูลาซานญ่าแสนธรรมดาของอิตาลีในช่วงวันหยุดฤดูร้อน จึงทำให้เขาเกิดสนใจและเลือกที่จะเข้าโรงเรียนสอนทำอาหาร เมื่อเรียนจบเขาได้สร้างอาชีพโดยการเป็นเชฟตามร้านอาหารอิตาเลียนไปทั่วประเทศญี่ปุ่น และย้ายไปซิลีในปี 2005 เพื่อศึกษาการทำอาหารอิตาลี เช่น พาสต้าและ อันตีปัสโต รวมถึงการทำขนมต่างๆ จนเชี่ยวชาญจากการเรียนรู้กับเชฟระดับมิชลินทั่วอิตาลี
Alessandro De Leo ผู้เป็น Specialty pizza chef
นอกจากเชฟชาวญี่ปุ่นที่มากประสบการณ์ด้านอาหารอิตาลีแล้ว ยังมี Specialty pizza chef ชาวอิตาเลียน ชื่อ Alessandro De Leo ด้วย ท่านนี้เป็นเชฟผู้หลงใหลการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนสอนทำอาหาร เขาได้ฝึกฝนทักษะที่ร้านพิชซ่าท้องถิ่นก่อนจะย้ายไปเยอรมนีและอังกฤษ ในปี 2014 เขากลายเป็นเชฟพิซซ่าที่ร้าน Vincantiamo ในเมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี จากนั้นเขาก็ได้เดินทางมาที่ญี่ปุ่นเพื่อสอนเทคนิคอาหารอิตาเลียนโดยตรงที่ร้าน Napoli Pizzeria ในเมืองโยโกสุกะ จังหวัดคานางาวะ หากมาที่ PIGNETO รับรองว่าคุณจะได้ลิ้มลองพิซซ่าตามแบบฉบับต้นตำรับอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องบินไปไกลถึงอิตาลีแล้ว
PIGNETO ของโรงแรม Four Seasons Hotel Tokyo at Otemachi ได้ยกความอร่อยสุดหรูหลากหลายเมนูตามต้นตำรับมาให้ลิ้มลองกันโดยไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล นอกจากอาหารรสเลิศแล้วก็ยังมีทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวที่งดงามจนต้องประทับใจ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรืออยากลองลิ้มรสอาหารอิตาเลียนต้นตำรับแท้ๆ สามารถมาที่นี่ที่โตเกียวได้เลย
สรุปเนื้อหาจาก prtimes.jp , tablecheck.com
