ที่มาที่ไปของ ”แกงกะหรี่ญี่ปุ่น” แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดมาจากไหนกันแน่!?

คนญี่ปุ่นนิยมทานแกงกะหรี่กันเป็นอย่างมาก จนกล่าวได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติญี่ปุ่นอย่างหนึ่งก็ว่าได้! ตามปกติคนญี่ปุ่นจะทำแกงกะหรี่กันโดยใช้ก้อนเครื่องแกงกะหรี่สำเร็จรูปเป็นพื้นฐานรสชาติ (ไม่ได้ผสมจากสมุนไพรหรือเครื่องเทศเองเหมือนไทย) และเพิ่มวัตถุดิบอย่างเนื้อและผัก และเครื่องเทศเล็กน้อยเพื่อแต่งรสชาติ ซึ่งเจ้าก้อนเครื่องแกงกะหรี่นี้ก็มีหลากหลายประเภทให้เลือกได้ตามความชอบเลย ว่าแต่ต้นกำเนิดของแกงกะหรี่ญี่ปุ่นนั้นมาจากไหนกัน? วันนี้เราจะมารู้จักที่มาของแกงกะหรี่ญี่ปุ่นด้วยกันค่ะ!

ความแตกต่างระหว่างแกงกะหรี่ญี่ปุ่นกับแกงกะหรี่อินเดีย

แกงกะหรี่อินเดีย

หากพูดถึงแกงกระหรี่ เชื่อว่าหลายๆ คนคงนึกถึงแกงกะหรี่ของอินเดีย และคงจะคิดว่าแกงกะหรี่ญี่ปุ่นมีที่มาจากอินเดียแน่ๆ แต่ความจริงแล้วแกงกะหรี่ญี่ปุ่นนั้นแตกต่างจากแกงกะหรี่อินเดียมากพอสมควร ซึ่งใครที่เคยรับประทานแกงกะหรี่ของทั้งสองชาติมาแล้วก็น่าจะเข้าใจเป็นอย่างดี ความแตกต่างหลักๆ ของแกงกะหรี่ญี่ปุ่นและอินเดียมีดังนี้ค่ะ

  1. แกงกะหรี่ญี่ปุ่นมีจุดเด่นตรงการผสมแป้งสาลีเพื่อให้แกงมีความข้น แต่แกงกะหรี่อินเดียจะเป็นแกงที่เน้นน้ำซุปซึ่งเหลวกว่า
  2. แกงกะหรี่ญี่ปุ่นนั้นทานกับข้าวญี่ปุ่นที่มีความเหนียวนุ่ม แต่แกงกะหรี่อินเดียจะทานกับข้าวร่วนๆ ทรงผอมยาว หรือทานร่วมกับแป้งนาน (Naan) ซึ่งที่ทำมาจากข้าวสาลี

แท้จริงแล้วแกงกะหรี่ญี่ปุ่นมีต้นเนิดมาจากอังกฤษ?

แกงกะหรี่ญี่ปุ่น

เหตุผลที่แกงกะหรี่ญี่ปุ่นและอินเดียมีความแตกต่างกันมากนั้นก็เพราะว่า ความจริงแล้วแกงกะหรี่ญี่ปุ่นไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากอินเดียโดยตรง แต่มีที่มาจากอังกฤษค่ะ! เราลองมาดูประวัติศาสตร์โดยย่อของแกงกระหรี่ญี่ปุ่นกัน

・ประวัติศาสตร์ของแกงกะหรี่ในอังกฤษเริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 17 ช่วงที่อินเดียตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ คนอังกฤษที่เดินทางเข้าไปในอินเดียได้นำ kari มาปรับแต่งให้เป็นสไตล์ยุโรปและนำกลับไปเพิ่มเป็นเมนูในพระราชวัง ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักกันในนาม curry ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า kari (แปลว่า น้ำซุป) ที่มีต้นกำเนิดมาจากภาษา Tamil ทางภาคใต้ของอินเดีย

・ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 แกง curry ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น “อาหารต้ม” ที่ต้มเนื้อผักรวมกับซอสเครื่องเทศ ซึ่งซอสเครื่องเทศช่วยลดกลิ่นสาบของเนื้อลงทำให้ทานได้ง่ายและอร่อยขึ้น

・ในศตวรรษที่ 19 เริ่มมี “ผงกะหรี่” ที่ผสมเครื่องเทศเรียบร้อยแล้วออกจำหน่าย ทำให้สไตล์แกงกะหรี่ของอังกฤษกลายเป็นแกงข้นโดยการผสมผงกะหรี่กับแป้งสาลี และเริ่มแพร่หลายเป็นอาหารตามครัวเรือน และแพร่หลายสู่ญี่ปุ่นในเวลาต่อมา

จุดเริ่มต้นแกงกะหรี่ญี่ปุ่น

・ว่ากันว่าแกงกะหรี่อังกฤษเริ่มแพร่หลายเข้ามาที่ญี่ปุ่นหลังการเปิดอ่าวโยโกฮามะในวันที่ 2 มิถุนายน ปีค.ศ. 1859 ซึ่งเป็นหนึ่งปีให้หลังจากที่มีการทำสนธิสัญญากระชับความสัมพันธ์การค้าระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกาขึ้น

・ ปีค.ศ. 1873 มีการแนะนำอาหารที่ใช้ผงกะหรี่ผสมกับแป้งสาลีในหนังสือแนะนำอาหารของชาวตะวันตก

・ปีค.ศ. 1876 Dr.Clark ผู้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเกษตรซัปโปโร ได้ออกไอเดียให้ทำข้าวแกงกะหรี่เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหารของนักเรียน วัตถุดิบประจำจังหวัดฮอกไกโดที่เด็กนักเรียนก็สามารถปลูกเองได้ อย่างเช่น มันสำปะหลัง แครอท และหอมใหญ่ จึงกลายมาเป็นวัตถุดิบหลักของแกงกะหรี่ญี่ปุ่น

・ปีค.ศ. 1874 โรงเรียนฝึกทหารบกได้เริ่มทำข้าวราดแกงกะหรี่เป็นเมนูอาหารกลางวันประจำวันเสาร์

・ปีค.ศ. 1908 ทหารเรือญี่ปุ่นซึ่งใช้การปฏิบัติของทหารอังกฤษเป็นแบบอย่าง ก็เริ่มทำแกงกะหรี่สไตล์อังกฤษทานเช่นกัน แกงกะหรี่สไตล์อังกฤษในช่วงนี้ได้ถูกนำมาปรับแต่งให้เข้ากับข้าวอันเหนียวนุ่มของญี่ปุ่นและกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของแกงกะหรี่ญี่ปุ่นในปัจจุบัน

・เหล่าทหารจดจำวิธีการทำแกงกะหรี่และนำไปทำที่บ้านตัวเองจนแพร่หลายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น

・ในปัจจุบันที่กองกำลังป้องกันตนเอง เมนูแกงกะหรี่ก็ยังคงได้รับการสืบทอดให้เป็นเมนูอาหารประจำวันเสาร์ เพื่อไม่ให้เหล่าทหารหลงลืมวันอีกด้วย

・หลังจากจบช่วงสงคราม แกงกะหรี่ได้กลายมาเป็นเมนูอาหารกลางวันของโรงเรียน  แกงกะหรี่ในช่วงแรกนั้นทำโดยการผสมผงแกงกะหรี่เข้ากับแป้งสาลีซึ่งยุ่งยากในการประกอบอาหาร

・ปีค.ศ. 1950 ได้เริ่มมีการวางจำหน่ายก้อนเครื่องแกงกะหรี่สำเร็จรูป (ผสมเครื่องแกงกับแป้งสาลี) ทำให้สามารถทำได้ตามครัวเรือนได้ง่ายขึ้น

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Ellington (@jazz_ellington) on

・ปีค.ศ. 1969 เริ่มจำหน่ายแกงกะหรี่สำเร็จรูป ทำให้แกงกะหรี่กลายเป็นอาหารใกล้ตัวคนญี่ปุ่นมากขึ้นไปอีก!

・หลังจากนั้นการพัฒนาเพิ่มความหลากหลายของแกงกะหรี่ ทำให้แกงกะหรี่กลายเป็นอาหารหลักประจำชาติญี่ปุ่น

ความแตกต่างระหว่าง “Rice Kare” กับ “Kare Rice” ?

ที่ญี่ปุ่นมีวิธีเรียกแกงกะหรี่สองอย่าง คือ “Rice Kare” กับ “Kare Rice” ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า “Kare Rice” เป็นส่วนมาก แต่ในอดีตนั้นนิยมเรียกกันว่า “Rice Kare” ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้ก็คือ…

  • “Rice Kare” คืออาหารที่เสิร์ฟแบบข้าวที่ราดด้วยแกงกะหรี่แล้ว
  • “Kare Rice” คืออาหารที่เสิร์ฟแบบแยกภาชนะข้าวกับแกงกะหรี่ออกจากกัน

ว่ากันว่าวิธีการเรียกแกงกะหรี่เปลี่ยนจาก “Rice Kare” มาเป็น “Kare Rice” ในปีค.ศ. 1964 ที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งกีฬาโอลิมปิก นอกจากนี้ยังมีแนวคิดว่า คำว่า “Kare Rice” มีจุดเริ่มต้นมาจากร้านอาหารชื่อดังและร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้าอีกด้วย

“วันแกงกะหรี่” และ “วันรำลึกแกงกะหรี่โยโกฮามะ”

วันแกงกระหรี่ คือวันที่ 22 มกราคมของทุกปี

กำหนดขึ้นโดย กลุ่มสหกรณ์อุตสาหกรรมแกงกะหรี่ของประเทศญี่ปุ่นในปีค.ศ. 2016 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการเผยแพร่ของแกงกะหรี่และสร้างประโยชน์ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพและอุดมสมบูรณ์ สาเหตุที่เลือกวันนี้เพราะวันที่ 22 มกราคม ปีค.ศ. 1982 เป็นวันที่สภานักโภชนาการของโรงเรียนประเทศญี่ปุ่นตัดสินใจให้แกงกะหรี่เป็นเมนูอาหารประจำวันของเด็กประถมและมัธยมต้นพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อระลึกครบรอบ 20 ปีการตั้งสภา

วันรำลึกแกงกะหรี่โยโกฮามะ คือวันที่ 2 มิถุนายนของทุกปี

กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่าวันนี้เป็นวันเปิดอ่าวโยโกฮามะ หลังจากการทำสนธิสัญญากระชับความสัมพันธ์การค้าระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้แกงกะหรี่ได้แพร่หลายเข้ามาในญี่ปุ่น หลังจากนั้นในปีค.ศ. 2007 ได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์แกงกะหรี่โยโกฮามะขึ้น และกำหนดให้วันนี้เป็นวันรำลึกแกงกะหรี่โยโกฮามะ

เพื่อนๆ คงทราบกันแล้วว่าแกงกะหรี่ญี่ปุ่นที่พวกเราชื่นชอบกันนั้นไม่ได้มีจุดกำเนิดมาจากอินเดียโดยตรง แต่เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ

สุดท้ายนี้ เพื่อนๆ ทราบกับไหมคะว่าจังหวัดใดในญี่ปุ่นที่มีอัตราการบริโภคแกงกะหรี่เป็นอันดับหนึ่ง?

คำตอบคือ จังหวัดทตโตริ ค่ะ

สาเหตุเป็นเพราะจังหวัดทตโทริเป็นแหล่งผลิตกระเทียมจีน (Rakkyo) ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเจ้ากระเทียมจีนนี้นิยมทานร่วมกับแกงกะหรี่ ทำให้การบริโภคแกงกะหรี่เพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย นอกจากนี้ยังเป็นเพราะจังหวัดทตโทรินิยมทำงานนอกบ้านทั้งสามีและภรรยา จึงชอบทำแกงกะหรี่ที่ทำได้ง่ายและสามารถทำเก็บไว้ทานได้เป็นเวลาหลายวันด้วยค่ะ

สรุปเนื้อหาจาก Japan Culture Lab
ผู้เขียน: mimi.minir

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save