เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงแห่งการมีความสุขกับผลผลิตเกษตรอร่อยหลากหลาย หนึ่งในอาหารที่อร่อยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นคือ เห็ด วันนี้มารู้เกร็ดน่ารู้ของเห็ดไมตาเกะ เห็ดที่คนญี่ปุ่นให้ฉายาว่าราชาแห่งเห็ดกันนะคะ
เห็ดไมตาเกะกับคุณค่าในการเป็นยาทางธรรมชาติ
ไมตาเกะเป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยโพลีแซ็คคาไรด์ (Polysaccharide) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและไขมันอุดตันในเส้นเลือด เบต้า กลูแคน (Beta glucan) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็ง และต้านการอักเสบ เออร์โกสเตอรอล (Ergosterol) ซึ่งเป็นคอสเตอรอลที่พบในธรรมชาติที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมเพื่อเสริมความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ไมตาเกะยังอุดมไปด้วย เส้นใยอาหารและวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี และวิตามินดี เป็นต้น
ตัวช่วนที่ดีของการลดน้ำหนัก
เห็ดไมตาเกะเป็นเห็ดอร่อยที่สามารถนำไปปรุงอาหารให้อร่อยกับวัตถุดิบใด ๆ ก็ได้ ไมตาเกะ 100 กรัม มีแคลอรี่เพียง 16 กิโลแคลอรี่ และมีไฟเบอร์สูง จึงเหมาะกับคนที่ต้องการลดและควบคุมน้ำหนัก เมื่อรับประทานเข้าไปไฟเบอร์ในเห็ดจะดูดซึมความชื้น ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนาน นอกจากนี้เห็ดไมตาเกะยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยเสริมการสลายตัวของคอเลสเตอรอลและไขมันในร่างกาย รวมถึงช่วยลดการดูดซึมไขมันจากอาหารเข้าสู่ร่างกายด้วย
ช่วยป้องกันและต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ไมตาเกะเป็นเห็ดเพียงชนิดเดียวที่ประกอบด้วย MD-fraction ซึ่งเป็นโพลีแซคคาไรด์ที่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกายที่มีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
อุดมไปด้วยเอนไซม์เอนโดเปปติเดส
เอนไซม์เอนโดเปปติเดสซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ย่อยสลายโปรตีน คนญี่ปุ่นจะนำเห็ดไมตาเกะมาทุบพอแหลกแล้วจึงนำมาหมักเนื้อประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนนำมาย่างหรืออบ เนื้อที่ผ่านการหมักด้วยไมตาเกะจะนุ่มอร่อยรับประทานง่าย
วิธีการที่ถูกต้องในการรับประทานเห็ดไมตาเกะให้ได้ประโยชน์สูงสุด
วิธีการนำเห็ดไมตาเกะมารับประทานให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือ ไม่ควรล้างเห็ด เพราะสารอาหารสำคัญหลายอย่างจะละลายไปกับน้ำ หากต้องการทำความสะอาดเพียงนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดเห็ด ก่อนนำไปปรุงเป็นอาหาร ทั้งนี้แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายแต่การรับประทานเห็ดไมตาเกะในปริมาณที่มากเกินไปในครั้งเดียวอาจก่อให้เกิดโทษต่อกระเพาะอาหารได้ ปริมาณที่ควรรับประทานต่อวันคือ 30-50 กรัม และควรปรุงให้สุกก่อนรับประทาน
วิธีการนำมารับประทาน
การนำเห็ดไมตาเกะมารับประทานนั้นมีหลากหลาย ทั้งซุปใส่ในมิโสะ นำไปย่าง ต้ม ผัด และทำเทมปุระ



แม้ว่าเห็ดไมตาเกะจะอร่อยที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ในญี่ปุ่นสามารถหารับประทานได้ตลอดทั้งปี ด้วยราคาที่ถูกแต่มีประโยชน์ล้น เห็ดไมตาเกะจึงเป็นหนึ่งในความลับของการมีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนของคนญี่ปุ่นค่ะ