เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า ในร้านซูชิสายพานราคาสบายกระเป๋าตัง หรือในร้านซูชิหรูหราที่มีเชฟหน้าเคาน์เตอร์ ไม่ว่าจะเป็นร้านสไตล์ไหน ส่วนใหญ่ก็มักจะเสิร์ฟซูชิจานละ 2 คำเท่านั้น เพราะอะไรจึงต้องเสิร์ฟแค่จานละ 2 คำ เราไปย้อนดูประวัติเกี่ยวกับซูชิเพื่อหาคำตอบกันเลย!
ประวัติของซูชิ
ข้าวปั้นซูชิ หรือ นิกิริซูชิ มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยข้าวปั้นประเภทอื่น ๆ อย่าง มากิซูชิ หรือ ซูชิห่อสาหร่าย ก็มีจุดกำเนิดในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน โดยเหตุผลที่ซูชิมักถูกเสิร์ฟจานละ 2 คำ มีทฤษฎียืนยันดังนี้
- แบ่งเป็นจานละ 2 คำ เพื่อให้รับประทานได้สะดวก
- ให้รับประทานซูชิอย่างละ 2 คำ เพื่อให้ลูกค้าสามารถทานซูชิหน้าอื่น ๆ ได้เต็มที่
- หากไม่รับประทานซูชิอย่างละ 2 คำ จะไม่สามารถสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของซูชินั้น ๆ ได้
- เพื่อลดขั้นตอนในการเช็คบิลชำระเงิน
- เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติที่แตกต่างกันของซูชิ 2 คำ ทั้งซูชิแบบที่เพิ่งปั้นเสร็จใหม่ ๆ กับซูชิที่ถูกปั้นทิ้งไว้ระยะหนึ่ง
ข้าวปั้นซูชิ หรือ นิกิริซูชิ ในสมัยก่อนจะมีขนาดคำใหญ่พอ ๆ กับข้าวปั้นโอนิริกิเลยทีเดียว โดยชาวญี่ปุ่นมักทานข้าวปั้นซูชิเป็นอาหารว่างมากกว่าเป็นอาหารมื้อหลัก ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อซูชิเพื่อคลายหิวได้สะดวกและง่ายขึ้นตามร้านค้าทั่ว ๆ ไป
อย่างไรก็ตาม จากทฤษฎีที่กล่าวมาข้างต้น พบว่าทฤษฎี “แบ่งเป็นจานละ 2 คำ เพื่อให้รับประทานได้สะดวก” ดูจะเป็นทฤษฎีน่าเชื่อถือมากที่สุด
สรุปเนื้อหาจาก : gaku-sha