Tokyo Chikara Meshi ร้านข้าวหน้าเนื้อที่สร้างปรากฏการณ์ขายดีถล่มทลายในฮ่องกง

ที่ญี่ปุ่นมีเชนร้านอาหารจำพวกข้าวหน้าเนื้อหรือ “กิวด้ง” (牛丼) มากมาย และมีหลายเจ้าที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยเพราะมาเปิดร้านในบ้านเรา แต่มีเชนร้านข้าวหน้าเนื้อร้านหนึ่งคือ “Tokyo Chikara Meshi” (東京チカラめし) ที่ค่อนข้างแตกต่างจากรายอื่นๆ

กล่าวคือกิวด้งที่เราคุ้นเคยมักเป็นข้าวหน้าเนื้อตุ๋น แต่สำหรับ Tokyo Chikara Meshi มีเมนูชูโรงคือข้าวหน้าเนื้อย่าง ซึ่งคอนเซปต์และรสชาติอาหารของร้านนี้โดนใจชาวฮ่องกงเข้าอย่างจัง จนมียอดขายดีถล่มทลายและขยายสาขาไปถึง 3 สาขาในระยะเวลาไม่กี่เดือน

จุดกำเนิดของ Tokyo Chikara Meshi

Tokyo Chikara Meshi เป็นเชนร้านอาหารในเครือของบริษัท SANKO MARKETING FOODS เริ่มเปิดสาขาแรกในเมืองโตเกียวในปี 2011 และขยายสาขาไปอย่างรวดเร็วจนมีจำนวนร้านมากถึง 132 สาขาทั่วญี่ปุ่น

แต่ต่อมา ร้านประสบปัญหาขาดแคลนพนักงาน อีกทั้งเผชิญกับราคาวัตถุดิบทั้งข้าวและเนื้อวัวที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้จำเป็นต้องปิดตัวสาขาไปหลายร้าน จนปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่นเหลือเพียง 3 สาขาเท่านั้น

ร้าน Tokyo Chikara Meshi ในญี่ปุ่น
ร้าน Tokyo Chikara Meshi ในญี่ปุ่น

เนื่องจากปัญหาขาดแคลนพนักงานและต้นทุนที่สูงในญี่ปุ่น บริษัทจึงเริ่มคิดเรื่องการเปิดร้านในต่างประเทศโดยเน้นไปที่ประเทศใกล้เคียงอย่างฮ่องกงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน

การเปิดตัวในฮ่องกง

แม้ว่าจะอยู่ในยุคที่โควิด-19 กำลังระบาดทั่วโลก ในปี 2021 บริษัท SANKO MARKETING FOODS ได้ตกลงร่วมมือกับบริษัทที่ทำธุรกิจร้านอาหารในฮ่องกง เพื่อถ่ายทอดสูตรอาหารและวิธีการบริหารจัดการร้านของ Tokyo Chikara Meshi เพื่อเปิดสาขาแรกในฮ่องกง

ตามปกติแล้วบริษัทใช้เวลาฝึกฝนพนักงานประมาณ 1-3 สัปดาห์ก่อนเปิดสาขาใหม่ แต่กรณีของร้านในฮ่องกงนี้ใช้เวลามากถึง 3 เดือน

ด้วยข้อจำกัดเรื่องการเดินทาง บริษัทจึงจำเป็นต้องทำการถ่ายทอดข้อมูลและฝึกสอนพนักงานผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด เช่น ถ่ายวิดีโอวิธีการทำอาหารจากที่ญี่ปุ่นเพื่อส่งไปให้บริษัทในฮ่องกง ใช้การประชุมและตรวจสอบคุณภาพผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพนักงานได้ทำตามสูตร อีกทั้งทำแบบสอบถามให้พนักงานใช้เป็น check list ว่ารสชาติของเมนูที่ปรุงออกมาได้มาตรฐานตามต้นฉบับ จนในที่สุดสามารถเปิดสาขาแรกที่ย่านมงก๊ก (Mongkok) ในฮ่องกงในเดือนมิถุนายน 2021

สำหรับร้านในญี่ปุ่นช่วงเวลาที่ขายดีมักจะเป็นช่วงมื้อกลางวันและช่วงหัวค่ำ แต่ร้านที่ฮ่องกงกลับแตกต่างออกไป คือมีผู้คนแวะเวียนเข้าร้านตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีคนมายืนต่อคิวเข้าร้านกันยาวเหยียดตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว

บรรยากาศวันแรกที่เปิดร้าน Tokyo Chikara Meshi ในฮ่องกง

ไม่ใช่แค่ช่วงแรกที่เปิดร้านเท่านั้น กระแสของ Tokyo Chikara Meshi นั้นดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะผ่านไป 5-6 เดือนแล้วก็ยังคงมีคนต่อคิวเข้าร้านยาวเหยียดอยู่เช่นเดิม

Tokyo Chikara Meshi มีเมนูให้เลือกหลายหลายกว่า 50 เมนู เช่น ข้าวหน้าเนื้อหรือหมูย่าง ข้าวหน้าเนื้อหรือหมูผัดขิง (หรือโชกะยากิ) ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด ซึ่งเมนูเหล่านี้ก็ขายดีในญี่ปุ่นเช่นกัน

ส่วนที่ฮ่องกง เมนูที่ขายดีนอกเหนือจากข้าวหน้าเนื้อหรือหมูที่กล่าวไปข้างต้น เมนูทานเล่นหรือท้อปปิ้งอย่าง ไข่ออนเซ็น เกี๊ยวซ่า ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

ตัวอย่างเมนูของ Tokyo Chikara Meshi
เมนู “ข้าวหน้าเนื้อย่าง” และ “ข้าวหน้าเนื้อย่างใส่ต้นหอม”

ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทตัดสินใจเปิดสาขาที่ 2 และ 3 ในเดือนกันยายนและธันวาคม 2021 ตามลำดับ โดยผู้บริหารของบริษัท SANKO MARKETING FOODS ให้ความเห็นว่าสาเหตุที่กิจการในฮ่องกงไปได้ดี ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เฉลี่ยของคนฮ่องกงค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับราคาของเมนูในร้าน (เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 200-300 บาทต่อมื้อต่อคน) อีกทั้งคนฮ่องกงมักมีการแนะนำกันแบบปากต่อปาก หากรสชาติอาหารที่ร้านถูกปากแล้วก็จะบอกต่อทำให้เป็นการโฆษณาร้านที่ได้ผลดีทีเดียว

บริษัทตั้งเป้าว่าจะขยายร้านในฮ่องกงให้ได้ 10 สาขาภายในเวลา 5 ปี แต่อย่างไรก็ตามบริษัทต้องคอยติดตามสถานการณ์ก่อน เนื่องจากได้บทเรียนจากการเร่งขยายในญี่ปุ่นจนไม่สามารถหาพนักงานได้เพียงพอ และควบคุมต้นทุนไม่ได้

หลังจากนี้ เราอาจจะเห็นร้าน Tokyo Chikara Meshi ทยอยเปิดสาขาในประเทศอื่นๆ ตามมา ก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะว่าเราอาจจะได้ลิ้มรสข้าวหน้าเนื้ออร่อยๆ ของร้านสาขาในไทยบ้างก็เป็นได้

สรุปเนื้อหาจาก: itmedia
ภาพประกอบจาก: prtimes1, prtimes2, prtimes3

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save