ในญี่ปุ่นมีพืชประเภทหัวมากมายและหนึ่งในมันที่คนญี่ปุ่นให้ความสนใจกันมากว่าดีต่อสุขภาพในขณะนี้ คือ คิคุอิโมะหรือมันคิคุหรือแก่นตะวัน มารู้ประโยชน์ของมันชนิดนี้และวิธีการนำมารับประทานให้อร่อยแบบคนญี่ปุ่นกันค่ะ
รู้จักมันคิคุ คุณค่าสารอาหาร และประโยชน์ต่อร่างกาย
มันคิคุ หรือคิคุอิโมะ (菊芋) หรือแก่นตะวัน (Jerusalem artichoke) เป็นมันชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายขิงและข่า มีผิวตะปุ่มตะป่ำและมีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลือง และสีม่วง เป็นต้น มันชนิดนี้มีรสชาติคล้ายมันฝรั่งผสมมันแกวแต่หวานกว่าเล็กน้อย มันคิคุ 100 กรัมให้พลังงานเพียง 35 กิโลแคลอรี ซึ่งต่ำกว่ามันฝรั่งและมันเทศญี่ปุ่น 2 และ 4 เท่า ตามลำดับ นอกจากนั้นยังมีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่าด้วย โดยมีคุณค่าสารอาหารและประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
ป้องกันความดันโลหิตสูง
มันคิคุ 100 กรัม มีโพแทสเซียม 610 มิลลิกรัม แร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยในการขับเกลือส่วนเกินออกจากร่างกายส่งผลในการลดการบวมน้ำของร่างกายและป้องกันความดันโลหิตสูงได้ดี
ปรับสภาพแวดล้อมในลำไส้
สภาพแวดล้อมในลำไส้ที่ดีจะส่งผลให้สุขภาพแข็งแรง ขับถ่ายคล่อง และไม่อ้วนง่าย มันคิคุ 100 กรัม มีปริมาณเส้นใยอาหาร 1.9 กรัม โดยมีเส้นใยชนิดอินนูลิน (Inulin) ในปริมาณสูง ซึ่งเส้นใยชนิดนี้เป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดี ส่งผลให้สภาพแวดล้อมในลำไส้ดี
กดการเพิ่มของระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร
ระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นหลังมื้ออาหารจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันสะสมในร่างกายและทำให้อ้วนได้ง่าย มันคิคุอุดมไปด้วยเส้นใยอินนูลิน ซึ่งช่วยกดการดูดซึมของน้ำตาลที่ลำไส้เล็ก ส่งผลในการป้องกันการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารได้ดี
วิธีการนำมารับประทาน
ด้วยว่าเส้นใยอินนูลินไม่ทนต่อความร้อนจากการผัดหรือทอดหรือไมโครเวฟ หากต้องการรับประทานมันชนิดนี้เพื่อให้ได้รับปริมาณสารอินนูลินและโพแทสเซียมมากที่สุดจึงควรรับประทานสด และยิ่งรับประทานทั้งเปลือกก็ยิ่งดีต่อสุขาพ ทั้งนี้คนญี่ปุ่นนิยมนำมันชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารหลากหลายรูปแบบ เช่น ใส่ในซุปมิโซะ หุงกับข้าว นำมาอบ ทำเมนูคินปิระมันคิคุ สลัด เทมปุระ ดองในน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น และนำมายำแบบญี่ปุ่น เป็นต้น




บ้านเราก็สามารถปลูกมันคิคุหรือแก่นตะวันได้ อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่าย มันชนิดนี้จัดเป็นผักประเภทหัวที่ดีต่อสุขภาพ หากสนใจก็ลองหาซื้อมารับประทานดูนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก: macaro-ni