ในญี่ปุ่นมีผลไม้ป่าหลากหลายชนิด แต่ผลไม้ป่าที่อร่อยถูกใจคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมากคือ กีวี่จิ๋ว หรือ มินิกีวี่ มารู้จักมินิกีวี่และคุณค่าทางอาหารของผลไม้ชนิดนี้กันนะคะ
มินิกีวี่
มินิกีวี่ หรือ Hardy kiwi เป็นผลไม้ที่มีชื่อญี่ปุ่นหลายชื่อ ได้แก่ เบบี้กีวี่ (ベビーキウイ) กีวี่เบอร์รี่ (キウイベリー) มินิกีวี่ (ミニキウイ) สะรุนะชิ (サルナシ) และมีชื่อวิทยาศสตร์ว่า Actinidia arguta ต้นกีวี่ชนิดนี้เป็นไม้เลื้อยที่มีเถาแข็งแรง มีความสูงมากกว่า 3 เมตร ขึ้นอยู่ตามภูเขาทั่วญี่ปุ่น ออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม และมีผลขนาดเล็กสีเขียวหรือเขียวปนแดง
ลักษณะผลคล้ายผลกีวี่แต่มีขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร เนื้อในมีสีเขียวคล้ายกีวี่ รสชาติหวานฉ่ำมากกว่ากีวี่ เปลือกจะมีรสชาติอมเปรี้ยวเล็กน้อย แต่หากรับประทานทั้งเปลือกจะทำให้ความหวานของมินิกีวี่เข้มข้นมากขึ้น มินิกีวี่เป็นอาหารโปรดของลิงและหมีที่อยู่ตามภูเขา ที่คนสามารถรับประทานได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงต้นพฤศจิกายน
คุณค่าทางอาหารของมินิกีวี่
มินิกีวี่เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าสารอาหารสูงกว่ากีวี่ปกติ โดยประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก แมกนีเซียม วิตามินซี วิตามินบี 6 และวิตามินอี ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณสวยงาม เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย และช่วยชะลอความแก่ เพกตินซึ่งช่วยให้ระบบลำไส้ทำงานดี ช่วยลดอาการท้องผูกและป้องกันท้องเสีย และลูทีนซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งที่ช่วยป้องกันโรคต้อกระจกและโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม เป็นต้น
เป็นที่เสียดายที่มินิกีวี่เก็บเกี่ยวได้เฉพาะตามท้องถิ่นในพื้นที่ภูเขา ทุกวันนี้ยังหาซื้อได้ยากตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายผัก นอกจากมีญาติมิตรที่อยู่ใกล้พื้นที่ภูเขาส่งเป็นของฝากมาให้ ทั้งนี้ก็สามารถหาซื้อมินิกีวี่ที่นำเข้ามาจากอเมริกาและชิลีได้บ้าง แม้จะยังหาซื้อได้ยากในปัจจุบัน แต่หากได้ลองชิมซักครั้ง ผู้เขียนเชื่อว่ามินิกีวี่จะเป็นอีกผลไม้หนึ่งในดวงใจของคนไทยค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก: kurashi-no