บริษัทเอซากิ กูลิโกะ ผู้ผลิตขนมหวานช็อกโกแลต “คาปุลิโกะ” ซึ่งเป็นสินค้าที่วางขายมาอย่างยาวนานถึง 50 ปี จะเริ่มจำหน่าย “คาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิ” หรือก็คือขนมคาปุลิโกะเที่แตกหักไม่สวยงามแต่ว่ายังรับประทานได้ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมเป็นต้นไป ในโซเชียลมีเดียถือว่าได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเลยทีเดียว บางคอมเมนต์ก็บอกว่า “เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เจ๋งมาก” หรือ “แม้จะเป็นเวอร์ชันมีตำหนิแต่ก็ไม่มีปัญหา” คุณโนมูระ ที่เป็นผู้สัมภาษณ์จึงได้ไปสอบถามโฆษกของบริษัทเอซากิ กูลิโกะ ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เขตนิชิโยโดงาวะจังหวัดโอซาก้า เกี่ยวกับเบื้องหลังของการเปิดตัวสินค้านี้ จะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันได้เลยค่ะ !
‘คาปุลิโกะ’ เป็นขนมที่ชวนให้คิดถึงเมื่อตอนยังเป็นเด็ก ๆ และเป็นหนึ่งในขนมโปรดของลูกสาวด้วย แต่คาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนินี่คืออะไรเหรอคะ ?
คาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิก็คือ คาปุลิโกะที่โคนแหว่งหรือมีโพรงที่เกิดจากขั้นตอนการผลิตช็อกโกแลตให้ขึ้นรูปครับ
ได้ยินว่าคาปุลิโกะเปิดตัวในปี 1970 แล้วตั้งแต่ช่วงเปิดตัวจนถึงปัจจุบันเกิดอะไรขึ้นกับคาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิที่เกิดจากกระบวนการผลิตบ้างคะ ?
ชิ้นที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชั้นดีภายในองค์กรอย่างโคนก็จะนำไปกำจัดทิ้ง ส่วนช็อกโกแลตที่ไม่ขึ้นรูปก็จะถูกหลอมและนำกลับมาใช้ใหม่ครับ แต่ในครั้งนี้ บริษัทของเราอยากช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารโดยไม่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีตำหนิต้องสูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ จึงตัดสินใจเริ่มขาย “ไจแอนท์ คาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิ รสสตรอว์เบอร์รี”
เพราะคาปุลิโกะมีรูปร่างเหมือนไอศกรีม ดูเหมือนว่าเด็ก ๆ เลยจะอยากพกติดตัวตลอดเวลาสินะคะ บางคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียบอกว่า “มีบางครั้งที่ซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วกลับบ้านมาก็โคนแตกเหมือนกัน ถ้ามีคาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิวางขายแบบนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแหละ” ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีคอมเมนต์แนว ๆ นี้บ้างหรือเปล่าคะ?
ก็มีบ้างครับ นอกจากนี้ก็มีความคิดเห็นจากลูกค้าบางท่านว่า “ไม่สนใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ ถ้ารสชาติเหมือนกันก็โอเคแล้ว” รูปทรงภายนอกอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าลูกค้าเข้าใจว่าเป็นปุลิโกะในอีกรูปแบบนึงได้ ผมก็ดีใจครับ
ราคาปัจจุบันของคาปุลิโกะอยู่ที่อันละ 100 เยน แต่ถ้าเป็นคาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิราคาจะอยู่ที่ราคาประมาณ 735 เยนต่อ 10 โคนใช่ไหมคะ
ใช่ครับ ค่อนข้างคุ้มสุด ๆ เลย
ตื่นเต้นเลยค่ะว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วจินตนาการของเด็กๆ จะสมบูรณ์ขึ้นด้วยไหมคะ?
ครับ เราก็หวังว่าเด็ก ๆ จะสนุกสนานในการพูดคุยเกี่ยวกับรูปร่างที่ต่างกันของคาปุลิโกะในขณะที่ทานคาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิครับ
◇ ในปัจจุบัน บริษัทได้ตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2030 จะลดขยะอาหารลง 95% เมื่อเทียบกับปี 2015 และกำลังดำเนินการหลายอย่าง เช่น ใช้ “Bisuko” ที่เป็นผลิตภัณฑ์ซิกเนเจอร์ของบริษัทเป็นอาหารสัตว์และปุ๋ยในฟาร์มสุกร หรือเครื่องดื่ม “Glico Almond Effect TASTY” ที่จะผลิตในเดือนกันยายนปีนี้ก็จะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์โดยใช้วิธีการผลิตที่สามารถป้องกันการเกิดออกซิเดชันเมื่อบรรจุในภาชนะ ทำให้สามารถขยายวันหมดอายุได้
บริษัทจะมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเศษอาหาร พร้อมกับจะปรับปรุงคุณภาพการรีไซเคิล “ไจแอนท์ คาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิ รสสตรอว์เบอร์รี” เริ่มวางจำหน่ายในจำนวนจำกัดตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม ที่ร้านค้า “Guriko・Ya” และภายร้านใน Eki Marché Shin-Osaka นอกจากนี้ก็มีแผนจะขายบนเว็บไซต์ด้วยตามลำดับ
สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะคะ วิธีแก้ปัญหาของบริษัทกูลิโกะ ! สามารถเพิ่มยอดขายจากผลิตภัณฑ์ที่มีตำหนิได้ แถมช่วยลดขยะอาหารลงได้อีกด้วย แม้ภายนอกจะรูปร่างไม่สวยงาม 100% แต่รสชาติก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แถมราคาถูกลงด้วย ใครที่อยู่ญี่ปุ่นลองไปซื้อ ‘คาปุลิโกะเวอร์ชันมีตำหนิ’ กันดูนะคะ ได้ช่วยโลกไม่พอ ได้เซฟเงินในกระเป๋าสตางค์ด้วยค่ะ !
สรุปเนื้อหาจาก : Yahoo , Glico, prtimes
ผู้เขียน : Purin in da world