จังหวัดอาโอโมริอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันงดงามและอุดมสมบูรณ์ หากต้องการมาชมซากุระสวยๆ บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ จังหวัดอาโอโมริก็ถือเป็นอีกหนึ่งปลายทางการเดินทางท่องเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ไม่ควรพลาด หากใครหมายตาอยากมาเที่ยวจังหวัดนี้ช่วงซากุระบานแต่ไม่รู้จะไปที่ไหนบ้าง ในบทความนี้ขอแนะนำแพลนทริปเที่ยวจุดชมวิวซากุระชื่อดังของจังหวัดอาโอโมริใน 1 วัน
ด้วยอากาศที่ค่อนข้างเย็นเพราะอยู่ทางเหนือของญี่ปุ่นรองจากฮอกไกโด ซากุระของที่นี่จึงบานประมาณ ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ใครจะมาอย่าลืมเช็กข้อมูลพยากรณ์ซากุระอีกทีนะคะ!
จุดเริ่มต้นการเดินทาง
จากสนามบินสุวรรณภูมิมาจังหวัดอาโอโมริสามารถมาได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นมาลงที่สนามบินฮาเนดะ (HND) แล้วต่อเครื่องไปลงสนามบินอาโอโมริ (AOJ) โดยใช้เวลาบินภายในประเทศประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจะลงที่สนามบินฮาเนดะแล้วนั่งรถไฟชินคันเซนจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shin-Aomori โดยใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 3 ชั่วโมงก็ได้เช่นกัน หากใครต้องการประหยัดขอแนะนำตั๋ว JR East Pass ที่สามารถนั่งรถไฟเที่ยวทั่วภูมิภาคโทโฮคุได้ตลอด 5 วัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความ
ทำทริปเที่ยวโทโฮคุและนากาโนะ-นีกาตะให้เป็นเรื่องง่ายด้วย JR EAST PASS
กรณีนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินอาโอโมริ สามารถนั่งรถบัสจากสนามบินไปลงที่สถานี Hirosaki โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 2 กิโลเมตรไปสวนสาธารณะฮิโรซากิ หากใครไม่อยากเดินก็สามารถนั่งรถบัสประมาณ 15 นาทีไปลงที่ป้าย Shiyakusho-mae แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
กรณีนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shin-Aomori สามารถนั่งรถไฟสาย JR Ou Line ไปลงที่สถานี Hirosaki แล้วเดินต่อหรือนั่งรถบัสประมาณ 15 นาทีไปลงที่ป้าย Shiyakusho-mae แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
จุดเริ่มต้นทริปนี้จะเริ่มที่สวนสาธารณะฮิโรซากิ ใครพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย!
ช่วงเช้า: ถ่ายรูปซากุระในงานเทศกาลซากุระฮิโรซากิ
ซากุระในสวนสาธารณะฮิโรซากิถือเป็น 1 ใน 3 สถานที่ชมซากุระชื่อดังของญี่ปุ่น ทุกปีในช่วงที่ซากุระบานประมาณปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงานเทศกาลซากุระฮิโรซากิซึ่งมีเสียงเรียกร้องมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศมาเยือนประมาณ 2 ล้านคน สำหรับปี 2023 นี้เทศกาลจะจัดตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน (วันศุกร์) จนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม (วันศุกร์)
ในปี 1715 ว่ากันว่าเจ้าครองแคว้นสึการุเป็นผู้นำต้นซากุระจำนวน 25 ต้นมาจากเกียวโตมาปลูกที่นี่จนตอนนี้มีซากุระอยู่ด้วยกัน 2,600 ต้น โดยมีซากุระพันธุ์โซเมอิโยชิโนะเป็นศูนย์กลาง รวมไปถึงซากุระพันธุ์ย้อย (ชิดาเระซากุระ) ยาเอะซากุระ และอื่นๆ อีกมากมายประมาณ 50 สายพันธุ์ สำหรับพันธุ์โซเมอิโยชิโนะจะมีจุดเด่นตรงคือต้นซากุระเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี และต้นอื่นๆ จะมีซากุระแตกออกจากตาของต้นไม้ประมาณ 4 ถึง 5 ดอก เมื่อถึงช่วงซากุระบาน กิ่งที่เต็มไปด้วยซากุระจะโน้มลงมาทำให้สามารถชมซากุระได้อย่างใกล้ชิด
แนะนำจุดถ่ายรูปห้ามพลาด!
1. พรมสีชมพูบริเวณคูน้ำนอกปราสาทฮิโรซากิ
สามารถชมความงามผิวน้ำที่สะท้อนภาพดอกซากุระที่อยู่ทั้งสองฝั่ง ไปจนถึงตอนที่ซากุระร่วงโรยอย่างสวยงามชวนดึงดูดใจผู้พบเห็น กลีบซากุระที่ร่วงหล่นบนผิวน้ำคูเมืองจนดูเหมือนพรมสีชมพูได้รับเลือกจากเพจเฟซบุ๊กยอดฮิตอย่าง “The breathtaking sights in the world I want to see before I die. (死ぬまでに行きたい!世界の絶景)” จนกลายเป็นไวรัลมาแล้ว วิวซากุระช่วงค่ำคืนยามต้องแสงไฟไลท์อัพก็ดูสวยงามรวมกับภาพฝัน ซากุระที่สวยงามโดดเด่นและปราสาทฮิโรซากิที่มีป้อมปราการอันเลื่องชื่อเป็นทัศนีภาพที่เต็มไปด้วยศิลปะสไตล์ญี่ปุ่น
2. อุโมงค์ซากุระที่สวยงามราวกับอยู่ในห้วงฝัน
อุโมงค์ซากุระตลอดระยะทาง 300 เมตรบริเวณคูน้ำทางฝั่งตะวันตกก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงาม ไฮไลท์อยู่ที่ต้นซากุระที่อยู่กันเรียงราย เมื่อเดินลอดผ่านอุโมงค์ซากุระที่ผลิบานอย่างฟูฟ่องทำให้รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในห้วงฝันราวกับไปโผล่ในโลกแห่งเทพนิยาย ใครกำลังมองหามุมสวยๆ ถ่ายรูปขอแนะนำบริเวณใกล้ๆ กับสะพานชุนโยบาชิ
ช่วงสาย: เที่ยวชมสวนสาธารณะฮิโรซากิ / ปราสาทฮิโรซากิ
ปราสาทฮิโรซากิที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะฮิโรซากิแห่งนี้มีป้อมปราการที่ถือได้ว่าอยู่ทางตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่ยังคงมีสภาพเหมือนในอดีตจวบจนปัจจุบัน ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ ทุกสิ่งทุกอย่างของปราสาทไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ ประตูในสวน สะพาน และคูเมืองล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ปราสาทที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ได้รับการดูแลรักษาให้คงสภาพอย่างในปัจจุบันและเปิดให้เข้าชมเป็นสวนสาธารณะแบบนี้ถือว่าหาได้ยากในประเทศญี่ปุ่น
หากใครมาเที่ยวปราสาทฮิโรซากิอย่าพลาดชมป้อมปราการ ประตูปราสาททั้ง 5 และป้อมทั้ง 3 ทั้งป้อมปราการที่มองเห็นได้จากสะพานเกโจบาชิซึ่งมีภาพของป้อมปราการที่สะท้อนอยู่บนราวสะพานเคลือบเงาอย่างดีก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูป บนหลังคาป้อมปราการชั้นที่ 3 มีจุดที่น่าสนใจคือพยัคฆ์มัสยาชาจิโฮโกะ (ปลาหัวเสือ) บริเวณภายในสวนมีความกว้างขวาง จึงขอแนะนำให้นั่งรถลากท่องเที่ยวเพื่อเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพต่างๆ อันแสนงดงาม
ใกล้ๆ สวนยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านสึการุเนปุตะ (Tsugaru-han Neputa Village) จัดแสดงผลงานศิลปะวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอาโอโมริ, สวนอนุสรณ์ฟุจิตะ (Fujita Memorial Garden) เป็นที่ตั้งของอาคารสไตล์ตะวันตกและสวนญี่ปุ่นอันยอดเยี่ยม, สตาร์บัคหน้าสวนสาธารณะฮิโรซากิซึ่งสร้างในสไตล์เรโทรย้อนยุคและขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ ใครไปสวนสาธาณะฮิโรซากิและยังมีเวลาเหลือ อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมสถานที่ดีๆ เหล่านี้กันนะคะ
Hirosaki Park (弘前公園)
ที่ตั้ง: 1 Shimoshiroganecho, Hirosaki, Aomori 036-8356
เบอร์โทร: 0172-33-8733
เวลาทำการ:
สำหรับพื้นที่ฟรีค่าบริการ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับพื้นที่เสียค่าบริการ เปิดวันที่ 1 เมษายน – 23 พฤศจิกายน 9:00 – 17:00
ช่วงเทศกาลซากุระ เปิดตั้งแต่ 7:00 – 21:00
วันหยุด: แล้วแต่ละเขตพื้นที่
ช่วงกลางวัน: แวะทานอาหารกลางวันที่ Café Baton
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ใครหิวแล้วอยากฝากท้องไว้กับร้านอาหารอร่อยๆ สามารถเดินจากสวนสาธารณะฮิโรซากิเพียง 5 นาทีไปที่ Café Baton ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่อยู่บนชั้น 2 ใน Hirosaki Civic Hall ตกแต่งในบรรยากาศสไตล์โมเดิร์น ภายในร้านมีทางเข้าออกไปบริเวณที่นั่งแบบระเบียงกลางแจ้ง วันที่อากาศดีสามารถชมซากุระสวนสาธารณะฮิโรซากิที่อยู่ใกล้ๆ กันได้
ดูโพสต์นี้บน Instagram
เมนูพิเศษของร้าน Café Baton คือเยลลีพันช์ห้าสีแห่งช่วงเวลาสีน้ำเงิน มีอิมเมจมาจาก “ช่วงเวลาสีน้ำเงิน” กระจกหลากสีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Hirosaki Civic Hall ตัวเยลลีทำจากผลไม้ต่างๆ ในเมืองสึการุ เช่น องุ่น พีชขาว แอปเปิ้ลเขียว แบล็คเคอแรนท์ ฯลฯ ช่วยให้เกิดสีสันอันสวยงามราวกับกระจกสีของจริง
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ขนมหวานยอดนิยมอย่าง “แพนเค้กซอสเบอร์รีเบอร์รี” เป็นแพนเค้กที่ตกแต่งอย่างสวยงามโดดเด่นชวนให้อยากถ่ายรูปโดยไม่รู้ตัว เบอร์รีหลากชนิดผสมรวมกับซอสในปริมาณจุใจ เข้ากันได้ดีกับแพนเค้กที่ไม่หวานจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีทั้งของคาวและของหวานน่าอร่อยอีกมากมาย หากใครเดินชมรอบสวนสาธาณะจนเหนื่อยแล้วก็สามารถมาแวะพักทานอาหารทานขนมหวานให้หายเหนื่อยก่อนไปลุยกันต่อ
Café Baton (喫茶室baton)
ที่ตั้ง: Hirosaki Civic Hall Administration Building ชั้น 2, Shimoshiroganecho, Hirosaki, Aomori 036-8356
เบอร์โทร: 0172-88-8928
เวลาทำการ: 11:00 – 17:00(สั่งเมนูได้ถึง 16:00)
วันหยุด: วันจันทร์สัปดาห์ที่ 3 ของทุกเดือน (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ จะหยุดวันถัดไป)
ช่วงเย็น: เดินเล่นที่สวนอนุสรณ์ฟุจิตะ
ดูโพสต์นี้บน Instagram
หลังจากพักทานข้าวจนหายเหนื่อย ขอแนะนำให้ไปเดินย่อยอาหารที่ สวนอนุสรณ์ฟุจิตะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Café Baton ใช้เวลาเดินเพียง 7 นาทีเท่านั้น ในสวนแห่งนี้มีอาคารหลายแห่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกราวกับย้อนเวลาไปในสมัยไทโช เพราะแต่เดิมเมืองฮิโรซากิเป็นจุดที่อารยธรรมตะวันตกเข้ามาในภาคเหนือ ทำให้ยังคงหลงเหลือสถาปัตยกรรมสไตล์เรโทรที่สะท้อนภาพสมัยนั้นหลายแห่ง
ภายในสวนคั่นด้วยผาสูง 13 เมตรจะแบ่งเป็นส่วนพื้นที่สูงและส่วนพื้นที่ต่ำ สวนบนพื้นที่สูงมีทั้งอาคารสไตล์ตะวันตกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ อาคารสไตล์ญี่ปุ่น รวมไปถึงอาคารโบราณคดี นอกจากจะเป็นมรดกล้ำค่าที่ทำให้หวนนึกถึงสมัยไทโชแล้วยังมีสวนกว้างขวางที่มองเห็นภูเขาอิวากิอยู่ไกลๆ ด้วย
ร้านจำหน่ายขนมหวานและเครื่องดื่มอย่าง Taisho Roman Tea Room จะอยู่ภายในอาคารสไตล์ตะวันตกที่มีส่วนที่เป็นยอดสูงหลังคาแดงสุดน่ารัก เมื่อเข้าไปจะพบกับกระจกสีและเตาผิงคอยต้อนรับ อีกทั้งยังได้อิ่มเอมใจไปกับการตกแต่งภายในที่มีความละม้ายคล้ายกับยุคสมัยไทโชไม่ว่าจะเป็นกระจกสีหรือโคมไฟ
ดูโพสต์นี้บน Instagram
โดยเฉพาะที่นั่งพิเศษจะอยู่ที่ริมหน้าต่างกระจกใสให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแสนสุขที่ได้ลิ้มรสอาหารและขนมหวานระหว่างชมความงามหลากสีสันทั้งสี่ฤดูของสวนด้านนอก อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการชิมเปรียบเทียบรสชาติของพายแอปเปิ้ลที่มีถึง 7 ชนิดด้วยกัน ขอแนะนำกาแร็ตแอปเปิ้ลกับไอศกรีมวานิลลา
ดูโพสต์นี้บน Instagram
อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจคือ อาคารโบราณคดีในสมัยก่อนที่ปรับโฉมใหม่ในชื่อ Craft & Japanese Cafe Takumikan มีพื้นที่สำหรับคาเฟ่ในธีมญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารที่ใส่ใจในความเป็น “ญี่ปุ่น” อย่างพาร์เฟ่ต์สไตล์ญี่ปุ่นหรืออาหารกลางวันแบบโอะบันไซ (อาหารดั้งเดิมของเกียวโต) และซื้องานหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของฮิโรซากิอย่างโคะกินซะชิ (เทคนิคการปักแบบดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในเมืองสึการุ จังหวัดอาโอโมริ) หรือเครื่องเขินสึการุ
สวนบนพื้นที่ต่ำเป็นสวนที่มีหนองน้ำอยู่ตรงกลาง สามารถเดินเล่นรอบๆ และเพลิดเพลินไปกับความงามของธรรมชาติทั้งสี่ฤดูผ่านการชมวิวหนองน้ำจากนอกหน้าต่างคาเฟ่ ดอกไอริส ดอกซึซึจิ น้ำตก หรือสะพาน ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระบานจะเป็นช่วงที่ผู้คนมากมายเดินทางมาเยี่ยมชมความงามของชิดาเระซากุระ (ซากุระย้อย)
Fujita Memorial Garden (藤田記念庭園)
ที่ตั้ง: 8-1 Kamishiroganecho, Hirosaki, Aomori 036-8357
เบอร์โทร: 0172-37-5525
เวลาทำการ
ช่วงปกติ 9:00 – 17:00 (เข้าได้ถึง 16:30)
ช่วงเทศกาลซากุระ 9:00 – 18:00 (จำหน่ายตั๋วเข้าสวนถึง 17:30)
ช่วงฤดูหนาว (แค่อาคารตะวันตก) 9:00 – 16:30
ปิดทำการ: วันหยุดช่วงฤดูหนาว (ยกเว้นอาคารตะวันตก) 24 พฤศจิกายน – กลางเดือนเมษายน
ช่วงค่ำ: ชมไฟประดับที่ส่องประกายงดงามยามค่ำคืน
กลับมาที่สวนฮิโรซากิกันต่อเพื่อชมความงามของซากุระยามต้องแสงไฟ เพราะช่วงงานเทศกาลซากุระ ภายในสวนจะเปิดไฟประดับส่องประกายสดใสต่างจากตอนกลางวัน ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในภาพฝันด้วยความงามอันเย้ายวน นอกจากนี้ยังมีต้นซากุระขึ้นชื่อมากมาย เช่น ต้นซากุระพันธุ์โซเมอิโยชิโนะที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยอายุกว่า 100 ปี, “โอะทะคิซากุระ” ที่ช่างพิมพ์แกะสลักไม้ชาวญี่ปุ่น มุนะคะตะ ชิโกะ ตั้งชื่อให้, “ฮิโรซากิโยชิโนะ” ที่นำชื่อเมืองฮิโรซากิมาตั้ง และ “ฮิโรซากิยุคิอะคะริ” เป็นต้น ใครที่ไปเดินเล่นชมสวนก็ลองมองหาต้นซากุระเหล่านี้ดูนะคะ
แนะนำจุดถ่ายรูปห้ามพลาด!
ภายในสวนฮิโรซากิมีจุดถ่ายรูปลับๆ ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงในโลกโซเชียล นั่นคือจุดที่มองเห็นกิ่งที่เต็มไปด้วยดอกซากุระสองต้นซ้อนทับกันแล้วเหลือที่ว่างเห็นเป็นรูปหัวใจบนท้องฟ้า ยิ่งถ่ายรูปช่วงกลางคืนจะดูสวยมากเพราะซากุระที่สะท้อนแสงไฟประดับเป็นสีชมพูจะตัดกับสีดำของท้องฟ้ายามค่ำคืนทำให้ต่างออกไปจากตอนกลางวัน บริเวณนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับประตูมินะมิอุจิ ซึ่งมีวิธีไป 3 เส้นทาง ดังนี้
1. เดินจากสะพานซุกิโนะโอบาชิผ่านประตูมินะมิอุจิ
2. เดินจากสะพานเกโจบาชิไปประตูมินะมิอุจิ
3. ขึ้นมาบนเนินจากถนนหน้ารากไม้ต้นแปะก๊วย
เมื่อไปถึงก็จะเจอกับตอไม้ที่ทำสัญลักษณ์รูปหัวใจเอาไว้ ให้ลองเงยหน้าขึ้นมองก็จะพบกับกิ่งซากุระที่ประกบกันเหลือช่องว่างเป็นรูปหัวใจสุดน่ารัก ใครอยากไปถ่ายรูปก็ลองตามหากันดูนะคะ
จบกันไปแล้วกับทริป 1 วันสำหรับชมซากุระในจังหวัดอาโอโมริ ใครมีแพลนไปญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมพอดีแล้วไม่รู้ว่าจะไปไหนบ้าง ก็สามารถเที่ยวตามแพลนทริปนี้ได้เลยนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก aomori-tourism.com, shufunotsubuyaki