สำหรับนักเที่ยวสายชิลที่อยากเที่ยวให้สนุกแบบสบายๆ จะมีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งรถไฟญี่ปุ่นชมวิวจากริมหน้าต่างไปเรื่อยๆ จริงไหมคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเพื่อนๆ อยากเปลี่ยนบรรกาศด้วยการออกไปสูดอากาศรับลมธรรมชาติที่หาได้ยากในเมืองกรุงแล้วละก็ หนึ่งในรถไฟที่ตอบโจทย์มากที่สุดก็คือ Resort Shirakami ที่วิ่งบนเส้นทางสายโกโนในภูมิภาคโทโฮคุนั่นเองค่ะ
เส้นทางรถไฟสายโกโน (Gono Line)

เส้นทางสายโกโน (Gono Line) เป็นเส้นทางสายท้องถิ่นในภูมิภาคโทโฮคุซึ่งอยู่ค่อนไปทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น เชื่อมต่อสถานี Higashi-noshiroในจังหวัดอากิตะ จนถึงสถานี Kawabe ในจังหวัดอาโอโมริ ตลอดเส้นทางผ่านสถานีรถไฟ 43 สถานี รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้น 147.2 กิโลเมตร ซึ่งรถไฟ Resort Shirakami ที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ก็วิ่งบนเส้นทางนี้นี่เอง
ขบวนรถไฟ Resort Shirakami
“Resort Shirakami (รีสอร์ท ชิราคามิ)” เป็นชื่อของรถไฟท่องเที่ยวขบวนเร็วพิเศษที่วิ่งบนทางรถไฟสายโกโน (Gono Line) ให้บริการระหว่างสถานี JR Akita จังหวัดอากิตะ ไปจนถึงสถานี JR Aomori หรือสถานี JR Hirosaki จังหวัดอาโอโมริ โดยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ถือเป็นขบวนรถไฟสายท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นทั่วประเทศ เนื่องจากตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยภูมิทัศน์ฝั่งทะเลญี่ปุ่น รวมถึงวิวของเทือกเขาชิราคามิที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO และอีกหลายวิวที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก
ขบวนรถไฟ Resort Shirakami มีทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งแต่ละขบวนมีสีสันต่างกันไปโดยถูกตั้งชื่อและออกแบบให้สัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ในเส้นทาง ดังนี้
ขบวน Aoike
Aoike หมายถึงบ่อน้ำสีฟ้า ตัวรถไฟด้านนอกใช้สีฟ้าตามสีของของทะเลญี่ปุ่นและทะเลสาบจูนิ
ภายในขบวนรถไฟ Aoike
ขบวน Buna
คำว่า Buna ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าต้นบีช ตัวรถไฟใช้สีเขียวแบบต้นบีชและพรรณไม้บนเทือกเขาชิราคามิ
ภายในขบวนรถไฟ Buna
ขบวน Kumagera
รถไฟขบวนนี้ใช้สีส้มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนกหัวขวานคุมาเกระและพระอาทิตย์ยามเย็น
ภายในขบวนรถไฟ Kumagera
เพลิดเพลินไปกับดนตรีท้องถิ่นและเบนโตะอร่อยๆ บนรถไฟ
นอกจากวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างตลอดเส้นทางที่ถือเป็นไฮไลท์ของ Resort Shirakami แล้ว บนรถไฟยังมีการแสดงสด ทั้งการเล่นพิณซึการุ 3 สายและการแสดงท้องถิ่นอีกหลายรายการ และพิเศษสุดสำหรับขบวนรถไฟ Buna ซึ่งเป็นขบวนเดียวจากทั้ง 3 ขบวนที่มีเคาน์เตอร์จำหน่ายอาหาร ของว่าง เครื่องดื่ม ไปจนถึงของฝากให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อได้จากบนรถไฟขณะเดินทาง ที่เคาน์เตอร์นี้เพื่อนๆ สามารถซื้อข้าวกล่องหรือเบนโตะโกโนที่อัดแน่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพดีไปรับประทานพร้อมชมวิวสวยๆ จากที่นั่งได้ การเดินทางท่องเที่ยวไปกับ Resort Shirakami จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับบรรยากาศและกลิ่นอายของภูมิภาคโทโฮคุอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากการนั่งรถไฟทั่วไป

View this post on Instagram
ข้าวกล่องโกโน
Resort Shirakami รถไฟที่สนุกได้แม้ตอนรถไฟแวะจอด
ปกติเวลารถไฟแวะจอดที่สถานีตามทางเรามักจะทำได้แค่นั่งเฉยๆ รอรถเดินทางต่อ แต่ไม่ใช่การเดินทางโดย Resort Shirakami แน่นอน! เพราะ ณ ทุกสถานีที่รถไฟแวะจอดจะมีตัวมาสคอตและมุมกิจกรรมต้อนรับให้เราสามารถทักทายและสนุกเพลิดเพลินได้ตลอดเวลา กล่าวได้ว่าเป็นการเดินทางที่มีความสนุกรอต้อนรับเราอยู่ทุกสถานีทีเดียว
วิวนอกหน้าต่างและสถานที่ห้ามพลาดตลอดเส้นทาง!
ขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟ Joyful Train แล้ว Resort Shirakami ก็เป็นรถไฟหนึ่งที่มีไฮไลท์คือวิวทิวทัศน์และสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อตลอดเส้นทาง
วิวทะเลญี่ปุ่นสุดอลังการ
ตั้งแต่สถานีฮิงาชิฮาจิโมริ (東八森駅) จนถึงช่วงสถานีเซนโจจิคิ (千畳敷駅) จะเป็นช่วงที่เราจะได้เห็นวิวทะเลญี่ปุ่นแทบจะตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งรถไฟจะวิ่งใกล้ทะเลมากจนรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไปบนผืนน้ำสีฟ้าของทะเลญี่ปุ่นเลยทีเดียว
View this post on Instagram
ท่องป่าชมธรรมชาติที่ทะเลสาบจูนิ
หนึ่งในจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ห้ามพลาดของทางรถไฟเส้นนี้คือทะเลสาบจูนิใน Tsugaru Quasi-National Park Lake Juniko ที่แปลได้ตรงตัวว่า “ทะเลสาบทั้ง 12” อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วบริเวณนี้มีทะเลสาบและบ่อน้ำทั้งหมด 33 แห่งด้วยกัน แต่เมื่อมองลงมาจากภูเขาโอคุสุเระจะเห็นได้ทะเลสาบเพียง 12 แห่งเท่านั้น จึงเป็นที่มาของชื่อนี้
View this post on Instagram
ในบรรดาจุดชมธรรมชาติทั่งหมดของทะเลสาบจูนิ บ่อน้ำอาโออิเคะ (青池) เป็นจุดหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุด ด้วยน้ำสีฟ้าใสราวกับน้ำในมหาสมุทร ทำให้ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเฉดสีที่ได้จากธรรมชาติ บ่อน้ำอาโออิเคะมีความใสมากจนสามารถเห็นกิ่งไม้ที่จมอยู่ก้นบ่อได้ และเฉดสีของบ่อน้ำอาโออิเคะจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาในแต่ละวัน จากสีฟ้าใสในตอนเช้าเป็นสีน้ำเงินเข้มในช่วงบ่าย ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวกันในแต่ละเวลาจะได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติที่ไม่เหมือนกัน
View this post on Instagram
“Furoufushi Onsen” ออนเซ็นอายุวัฒนะ
อีกจุดที่ห้ามพลาดของการเดินทางบน Resort Shirakami คือ Furoufushi Onsen ออนเซ็นอายุวัฒนะและออนเซ็นธรรมชาติของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ริมทะเล ที่นี่เพื่อนๆ สามารถแช่ออนเซ็นพร้อมชมวิวทะเลญี่ปุ่นและวิวพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมๆ กันได้
View this post on Instagram
ชมรถไฟ Resort Shirakami ขบวนอื่นที่วิ่งร่วมทางด้วย
ณ บางจุดระหว่างทางเพื่อนๆ จะมีโอกาสได้เห็นรถไฟ Resort Shirakami ขบวนอื่นวิ่งสวนทางหรือแวะจอดที่สถานีเดียวกัน ตอนนั้นเองที่เพื่อนๆ จะได้เห็นความเท่ของดีไซน์รถ Resort Shirakami ตอนรถกำลังวิ่ง และอาจจะได้ทักทายเพื่อนผู้โดยสารที่อยู่บนรถขบวนอื่นด้วยนะ
View this post on Instagram
การโดยสารรถไฟ Resort Shirakami
เพื่อนๆ สามารถโดยสารรถไฟนี้ได้ด้วยบัตร Japan Rail Pass, JR EAST PASS (Tohoku area) หรือ JR East South Hokkaido Rail Pass โดยจำเป็นต้องสำรองที่และออกตั๋วแบบระบุที่นั่งก่อนล่วงหน้า เนื่องจากเป็นรถไฟท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง ก่อนเดินทางแนะนำว่าให้จองไว้แต่เนิ่นๆ จะดีที่สุดค่ะ นอกจากนี้รถไฟแต่ละขบวนจะให้บริการในวันที่แตกต่างกัน และไม่ได้วิ่งให้บริการตลอดปี ดังนั้นควรตรวจสอบรายละเอียดตารางเวลารถไฟก่อนโดยดูได้ในเว็บไซต์ของ JR (ภาษาอังกฤษ)
นั่ง Resort Shirakami เที่ยวได้ง่ายๆ ด้วย JR EAST PASS (Tohoku Area)
JR EAST PASS (Tohoku Area) เป็นตั๋ว Pass จาก JR East ที่ช่วยให้การเดินทางรอบๆ โทโฮคุง่ายขึ้น เพียงจองตั๋วออนไลน์แล้วมารับตั๋วที่ญี่ปุ่น เพื่อนๆ ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ ในโทโฮคุได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อตั๋วอื่นเพิ่ม เพียงมี JR EAST PASS (Tohoku Area) เพื่อนๆ ก็สามารถขึ้นชินกันเซน หรือ Resort Shirakami หรือ Joyful Train อื่นๆ ได้อีกด้วย!
นอกจากนี้ ถ้าเพื่อนๆ มีตั๋ว JR Rail Pass ด้วยแล้ว เพื่อนๆ สามารถจองที่นั่งแบบระบุที่นั่งบนชินกันเซนหรือ Joyful Train แบบออนไลน์ได้ฟรี! โดยมีเงื่อนไขเพียงแค่ต้องจองล่วงหน้า 1 เดือนเท่านั้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง JR EAST PASS (Tohoku Area)
เกี่ยวกับ JR EAST PASS: jreast.com
จองตั๋ว JR EAST PASS: eki-net.com
หากเพื่อนๆ มีแพลนจะไปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุในอนาคต การนั่งรถไฟ Resort Shirakami เพื่อชมวิวสวยๆ สองข้างทางและดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบที่คนญี่ปุ่นนิยมก็ถือเป็นประสบการณ์ที่คู่ควรแก่การไปสัมผัสสักครั้งหนึ่งนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก: jreast