เพื่อน ๆ คนไหนชอบการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ เดินป่า ปีนเขา ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด เราจะพาไปปีนเขา Nokogiri Yama (鋸山) ภูเขาในจังหวัดชิบะ ใกล้กรุงโตเกียว สามารถเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากเส้นทางปีนเขาที่ขนาบด้วยธรรมชาติสองข้างทางแล้ว ยังมีจุดชมวิวสุดหวาดเสียว และวัดที่มีทัศนียภาพแปลกตา อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์อีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วก็ผูกเชือกรองเท้าแน่น ๆ สะพายเป้ขึ้นหลัง แล้วสวมหมวกเดินตามกันมาเลยค่ะ
สถานีรถไฟ Hamakanaya
View this post on Instagram
การเดินทางครั้งนี้ เรามาเริ่มกันที่สถานี Hamakanaya ของรถไฟสาย JR Uchibo ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่ใกล้กับทางเข้าเส้นทางเดินเขากันค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนพักอยู่ในโตเกียว จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการขึ้นรถไฟมาที่สถานีนี้ ราคาประมาณ 1,980 เยน
จากสถานี Hamakanaya มี 2 วิธีด้วยกันในการขึ้นไปสู่ยอดเขา Nokogiri Yama นั่นก็คือการเดินเท้าขึ้นไปกับการนั่งโรปเวย์ (เคเบิ้ลคาร์) แน่นอนว่าคนรักควาลำบากลำบนอย่างผู้เขียนเลือกวิธีเดินขึ้นไปค่ะ โดยเราจะต้องเดินผ่านย่านที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่นไปถึงปากทางเข้าเส้นทางเดินเขา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตสองข้างทางดี ๆ จะเห็นร้านอาหารไม่ก็คาเฟ่เล็ก ๆ แอบซ่อนอยู่ในละแวกบ้านคนด้วย ใครอยากเติมพลังก่อนก็แวะได้ค่ะ
พอเข้ามาในเส้นทางปีนเขาแล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินตามป้ายบอกทางที่ติดไว้ตลอดเส้นทาง และก็ชมเชยธรรมชาติได้เต็มที่ค่ะ สำหรับใครที่ต้องการใช้โรปเวย์ก็ให้เดินทางไปสถานี Nokogiri Yama Sanroku Ropeway ใช้เวลาประมาณ 8 นาที แล้วก็ขึ้นโรปเวย์มุ่งสู่ยอดเขาได้เลยภายในเวลา 4 นาทีค่ะ
View this post on Instagram
ภูเขา Nokogiri Yama นี้สูงจากระดับน้ำทะเล 329.4 เมตร มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าตัดภูเขาที่เป็นผาหินมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทำไมน่ะเหรอคะ ก็เพราะเมื่อย้อนไปในอดีตภูเขาแห่งนี้เป็นแหล่งวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอย่างหิน ผู้คนต่างมาตัดเอาแผ่นหินของภูเขานี้ไป จนเหลือเป็นหน้าตัดโล้น ๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน พอมองแล้วก็คล้าย ๆ กับเลื่อย จึงตั้งชื่อภูเขานี้ว่า Nokogiri (เลื่อย) Yama (ภูเขา) นั่นเองค่ะ
ทางเดินกำแพงหิน
View this post on Instagram
ระหว่างทางเพื่อน ๆ จะสังเกตเห็นได้ว่ากำแพงหินที่ขนาบสองข้างทางไว้จะมีรูแหว่งเป็นสี่เหลี่ยมบุ๋มลงไป นั่นแหละค่ะเป็นรอยที่หลงเหลืออยู่จากการตัดหินออกไปในสมัยโบราณ อีกทั้งยังมีต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวปกคลุมไปตลอดทาง ร่มรื่นมาก ๆ
ทางเดินในภูเขานี้ก็ถูกทำนุบำรุงไว้เป็นอย่างดี ส่วนมากจะเป็นทางเดินที่ทำจากหินและเป็นขั้นบันได ไม่ต้องกลัวสะดุดล้มไปนะคะ เดินไปเรื่อย ๆ เราจะเข้าสู่เขตวัดนิฮงจิ ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในแถบคันโต สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 725 ในวัดนี้จะมีทางเดินที่ขนาบด้วยกำแพงหินที่มีหน้าตัดเรียบ และมีช่องโหว่สี่เหลี่ยมใหญ่กระจัดกระจายอยู่ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ชี้ว่าในอดีตสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่ผู้คนมาตัดหินเอาไปทำเป็นวัสดุก่อสร้างกัน โดยเฉพาะในสมัยเอโดะตอนปลาย
ระหว่างที่เราเดินในทางแคบ ๆ ขนาบด้วยกำแพงหินสูงใหญ่ ลึกบ้างนูนบ้าง มีแสงส่องถึงลงมาเพียงเล็กน้อย บางทีก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกมหัศจรรย์สักแห่งเลยนะคะ กำแพงแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็น กำแพงแห่งลาพิวต้า ภาพยนตร์คลาสสิกจากสตูดิโอจิบลิค่ะ
ผาชะโงกนรก
View this post on Instagram
ปีนต่อไปอีกหน่อย เราจะได้พบกับจุดชมวิวยอดฮิต นั่นก็คือ ผาชะโงกนรก หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ชิโงกุโนโซกิ (地獄のぞき) ซึ่งเป็นหน้าผาเล็ก ๆ ยื่นออกมา เมื่อเราไปยื่นอยู่ริมสุดของหน้าผาและชะโงกออกไปดูแล้ว จะรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนอากาศ ไม่มีอะไรรองรับอยู่ข้างล่าง และด้วยความสูงของหน้าผาตกลงไปไม่น่าจะดีแน่ ผู้คนเลยตั้งชื่อจุดชมวิวสุดหวาดเสียวนี้ว่าผาชะโงกนรก แต่แน่นอนว่ามีแผงกั้นแข็งแรงเพื่อความปลอดภัย เพื่อน ๆ ไม่ต้องห่วงไปนะคะ
พระพุทธรูปหิน 1,553 องค์
View this post on Instagram
ท่ามกลางทางเดินในพื้นที่วัด จะสังเกตเห็นว่ากำแพงด้านหนึ่งตามทางเดินเต็มไปด้วยพระพุทธรูปทำจากหินองค์เล็ก ๆ วางเรียงรายอยู่มากมาย รวมกันแล้วมีถึง 1,553 องค์เลยทีเดียว ว่ากันว่าพระพุทธรูปเหล่านี้แกะสลักโดยช่างฝีมือช่วงกลางสมัยเอโดะใช้เวลากว่า 20 ปีกว่าจะสำเร็จ พระพุทธรูปหินทั้ง 1,553 องค์มีรูปร่างและหน้าตาแตกต่างกันไป เราสามารถซึมซับศิลปะ ความสามารถ และความละเอียดอ่อนของช่างฝีมือในสมัยก่อนได้จากตรงนี้ค่ะ
พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
View this post on Instagram
ทางเดินในวัดส่วนมากเป็นบันไดหินขึ้นลงสลับกันไป พอเดินมาเรื่อย ๆ เราจะเจอกับลานกว้าง มีสถานที่นั่งพัก ใกล้ ๆ กันนั้นจะเห็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้ถือว่าเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมีความสูงประมาณ 31.05 เมตร เมื่อเทียบกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่คนไทยรู้จักกันดีในเมืองคามากุระแล้ว องค์นี้ใหญ่กว่าเกือบ 3 เท่าเลยล่ะค่ะ
สำหรับขากลับถ้าใครเหนื่อยแล้ว เราจะนั่งโรปเวย์กลับสบาย ๆ ก็ได้ แต่ถ้าใครยังไหวก็สามารถเดินกลับได้เหมือนกันค่ะ ราคาโรปเวย์สำหรับผู้ใหญ่เที่ยวเดียว 500 เยน ตั๋วไปกลับ 950 เยน เพื่อน ๆ ลองตัดสินใจเทียบกับแรงของตัวเองดูนะคะ แต่ตอนที่ผู้เขียนไปนั้นกลัวจะไม่ทันรถไฟเที่ยวขากลับ เลยตัดสินใจจะขึ้นโรปเวย์ แต่ดันโชคร้ายไปหน่อย เป็นวันลมแรงโรปเวย์เลยหยุดให้บริการ แถมท้องฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว ผู้เขียนเลยต้องจำใจเดินกลับลงเขาแบบไว ๆ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันค่ะ สิริรวมเวลาตั้งแต่เริ่มปีนจนกลับมาที่สถานี Hamakanaya ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ใครจะไปปีน Nokogiri Yama อย่าลืมดูสภาพอากาศและวางแผนเวลาดี ๆ ด้วยนะคะ
หรือดูแผนที่เต็มๆ ที่ mt-nokogiri.co.jp