จังหวัดฟุคุโอกะถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่อันดับต้น ๆ ของโลกเลยนะ ด้วยบ้านเมืองที่เป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน การคมนาคมก็สะดวกสบาย ความปลอดภัยและความเป็นมิตรของคนที่นี่ทำให้น่าอยู่แล้วก็น่าไปเที่ยวด้วย ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางประวัติศาตร์ ธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ผสมผสานกันลงตัวอยู่ในเมืองนี้ ANNGLE เลยอยากจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวตามมุมต่าง ๆ ของจังหวัดฟุคุโอกะกันค่ะ
1. ซากปราสาทฟุคุโอกะและสวนมาอิซูรุ (福岡城と舞鶴公園)
ปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภายในสวนมาอิซูรุ ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชูเลยทีเดียว แต่พอเปลี่ยนยุคสมัยเป็นเมจิก็โดนทำลายลงเพราะตัวปราสาทถูกมองว่าเป็นระบบศักดินา ในปัจจุบันจึงเหลือเพียงแค่ซากของกำแพงและฐานของหอคอยเล็ก ๆ นอกจากปราสาทแล้วสวนมาอิซูรูก็เป็นสวนสาธารณะอันดับ 1 ของเมืองที่เป็นจุดชมซากุระยอดนิยมที่สามารถชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน จึงมีผู้คนมากมายเข้ามาเดินเล่น มานั่งปิกนิกกันใต้ต้นซากุระที่สวนแห่งนี้
เวลาเปิด – ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเลย
ค่าเข้าชม : ฟรีจ้า
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟใต้ดิน Ohori Koen เดินประมาณ 5 นาทีก็จะถึง
2. สวนโอโฮริ (大濠公園)
โอโฮริ ตามความหมายเลยก็คือ คูคลองรอบ ๆ ปราสาทฟุคุโอกะที่เกิดมาจากการรวมตัวของอ่าวฮากาตะ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฟุคุโอกะที่มีพื้นที่ขนาดกว้าง มีสระน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน ซึ่งจะมีเกาะขนาดเล็ก ๆ อยู่ 4 เกาะที่เชื่อมกันด้วยสะพานเล็ก ๆ วิวที่สวยงามราวกับภาพวาดสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ที่มาทำกิจกรรมกัน ไม่ว่าจะมาวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ดน้อยกินลมชมวิว หรือบางคนก็จะพาน้องหมามาเดินเล่น เรียกว่าเป็นกิจวัตรประวันของคนฟุคุโอกะเลย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสวนญี่ปุ่นและพิพิธภัณฑ์ศิลปะด้วย เพื่อน ๆ คนไหนที่อยากจะเนียน ๆ เป็นคนญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดมาเดินเล่นที่นี่นะ
เวลาเปิด – ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเลย
ค่าเข้าชม : สวนสาธารณะฟรี สวนญี่ปุ่น 240 เยน พิพิธภัณฑ์ศิลปะ 200 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟใต้ดิน Ohori Koen เดินประมาณ 7 นาทีก็จะถึง
3. วัดนันโซอิน (南蔵院)
เป็นวัดที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่กลับมีความน่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย แค่สถานที่ตั้งก็ดูลึกลับแล้วหละ เพราะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในป่าเขา และภายในวัดยังมีถ้ำ ลำธาร และน้ำตก แค่จะเดินเข้าวัดก็เหมือนเราได้ชมพร้อมกับศึกษาธรรมชาติ จุดเด่นที่ดึงดูดให้คนเข้ามาที่นี่ก็คือ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ทำจากทองแดงหนัก 300 ตัน มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเลยนะ และยังมีรูปปั้นยักษ์ฟุโดเมียวขนาดใหญ่ และรูปปั้นของพระพุทธรูปต่าง ๆในศาสนาพุทธกว่า 500 องค์ รวมไปถึงรูปปั้นเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้ง 7 ของญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้เจ้าอาวาสนันโซอินนั้นท่านมีชื่อเสียงเรื่องการบอกล็อตเตอรี่มากเลย ผู้คนที่มาสักการะที่นี่ส่วนใหญ่จึงมาขอพรเรื่องโชคลาภกัน
เวลาเปิด – ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนร้านค้าและประชาสัมพันธ์เปิด 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี แต่ถ้าจะเข้าไปใต้องค์พระมีค่าเข้า 500 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถไฟ JR Sasaguri ไปลงที่สถานี Kido Nanzoin Mae และเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
4. ศูนย์การค้าคาแนลซิตี้ (キャナルシティ)
View this post on Instagram
ตึกสีสันสดใสที่อยู่ใต้คอนเซปต์ “เมืองโรงภาพยนตร์” แห่งนี้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงที่สามารถเพลิดเพลินได้ทั้งวันกับช้อปปิ้งมอลล์ โรงภาพยนตร์ โรงละคร ร้านอาหาร โรงแรม 2 แห่ง โชว์รูม สำนักงาน และสวนสนุก ภายในเมืองขนาดย่อมแห่งนี้มีการขุดคลองให้ไหลผ่านใจกลางห้าง แถมยังมีการแสดงน้ำพุแสงสีเสียงอลังการงานสร้างสุด ๆ ไปเลย ไม่ว่าจะวัยไหนก็มีความสุขและสนุกกับที่นี่ได้ทุกคน เดี๋ยวอย่าเพิ่งจบ ใครที่ชอบกินราเมงไม่ควรพลาดเลย เพราะที่ชั้น 5 เขามี “ราเม็งสเตเดี่ยม” เป็นแหล่งที่รวมราเมงอร่อย ๆ จากทั่วทุกซอกทุกมุมญี่ปุ่นมาอยู่ที่นี่ให้คนที่หลงรักในเส้นมาจัดกัน
เวลาเปิด – ปิด : 10.00 – 21.00 น. *ร้านอาหารปิด 23.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Hakata เดินอีกประมาณ 15 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Canalcity
5. ย่านเท็นจิน (天神)
เรียกว่าเป็นดาวน์ทาวน์แหล่งช้อปปิ้งชั้นแนวหน้าของเมืองฟุคุโอกะเลยก็ว่าได้ ในบริเวณนี้จะเรียงรายไปด้วยร้านต่าง ๆ มากมาย รวมถึงอาคารสำนักงานโรงแรม ถนนคนเดิน และห้างสรรพสินค้าก็มากระจุกตัวกันอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังมี Tenjin Chikagai เป็นแหล่งช้อปปิ้งกว่า 150 ร้านที่สร้างขึ้นในสไตล์ยุโรปซึ่งก็ดูเก๋ไปอีกแบบ แต่ใครจะคิดละว่ามันจะอยู่ใต้ดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน Tenjin ไปจนถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Nishitetsu Fukuoka ถึงแม้ฝนจะตกแต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะช้อปปิ้งก็สามารถไปเลือกช้อปใต้ดินได้ตามสบาย ไม่ต้องกลัวเปียกฝนกันเลยแหละ
View this post on Instagram
เวลาเปิด – ปิด : แล้วแต่ร้านค้าแต่ละร้าน
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : อยู่ที่สถานีรถไฟ Tenjin เลยค่ะ
แผนที่ช้อปปิ้งใต้ดิน
6. ยาไต (屋台)
View this post on Instagram
ยาไต คือร้านอาหารแผงลอยตามข้างทางในฮากาตะ เท็นจิน นากาสุ และนากาฮามะ รวมแล้วกว่า 100 ร้าน ซึ่งเป็นสถานที่เดียวในญี่ปุ่นที่รัฐบาลอนุญาตให้ตั้งร้านแผงลอยได้ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินก็จะมีการเปิดโคมไฟท่ามกลางกลิ่มหอม ๆของอาหารและเสียงพูดคุยสนุกสนานของผู้คนที่มากินกันที่นี่ สร้างความคึกคักให้กับบรรยากาศยาไตมาก ๆ ส่วนอาหารก็จะมีให้เลือกมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็น โอเด้ง ยากิโทริ (ไก่ย่าง) ราเมง เทมปุระ เกี๊ยวซ่างี้ โอ๊ยย! แค่คิดก็ท้องร้องแล้ว สงสัยต้องไปกินอาหารที่นี่กันซะแล้ว
เวลาเปิด – ปิด : 18.00 – 02.00 น. (แล้วแต่ฟ้าฝนจะเป็นใจ *ส่วนใหญ่ปิดวันอาทิตย์)
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟใต้ดิน Minami Tenjin หรือสถานีรถไฟใต้ดิน Nakasu Kawabata และเดินอีกประมาณ 10 นาที
7. ฟุคุโอกะทาวเวอร์ (福岡タワー)
View this post on Instagram
หอคอยแห่งนี้คือแลนด์มาร์คของจังหวัดฟุคุโอกะ เพื่อน ๆ อาจจะคุ้นชื่อของตึกนี้ว่า “มิเรอร์เซลล์” ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา ก็ได้มาจากการติดกระจกทั่วทั้งตึกจนสะท้อนวิวของเมืองฟุคุโอกะ ด้วยความสูง 234 เมตรจึงเป็นหอคอยติดทะเลที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวชั้น 5 ในระดับความสูง 123 เมตร เป็นอะไรที่ว้าวมาก ๆ ได้เห็นทั้งอาคารบ้านเรือนของเมืองและวิวบริเวณอ่าวฮากาตะ แถมตอนกลางคืนยังมีการเปิดไฟอิลลูมิเนชั่นบนหอคอยในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและทานาบาตะ ให้แสงสว่างที่โรแมนติกมาก ๆ ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก” ด้วยนะ ถือเป็นจุดชมวิวที่ไปได้ทุกช่วงเวลาเลย
เวลาเปิด – ปิด : 09.30 น. – 22.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 500 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟใต้ดิน Nishijin เดินอีกประมาณ 15 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Fukuokatower
8. สวนคาวาชิฟูจิ (河内藤園)
อุโมงค์ดอกไม้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมความงามของดอกวิสทีเรียสีม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ขาว และชมพูที่ห้อยลงมาเป็นอุโมงค์สีสันสดใสยาวประมาณ 100 เมตร ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังเดินเล่นอยู่ในเทพนิยายเลยหละ ถือเป็นไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวได้มาเดินลอดชมความงาม ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีต้นวิสทีเรียเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่ลำต้นขนาดใหญ่ขดเป็นเกลียวและกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกไปดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นไม่ควรพลาดที่จะมาดูความสวยงามของดอกไม้และต้นไม้เหล่านี้เลย
เวลาเปิด – ปิด : 08.00 น. – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : 500 – 1,500 เยน *ขึ้นอยู่กับฤดูกาล
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Hakata โดยรถไฟสาย Kagoshima ไปลงที่สถานี JR Yahata จากนั้นต่อรถบัส Nishitetsu ลงที่ป้าย Kawachi Elementary School และเดินอีกประมาณ 15 นาทีก็จะถึง
ข้อมูลเพิ่มเติม Kawachi
9. ศาลเจ้าดาไซฟุ (太宰府天満宮)
ศาลเจ้าที่มีความเกี่ยวข้องกับ สุกาวาระโนะ มิจิซาเนะ ที่คนญี่ปุ่นนับถือให้เป็น “เทพเจ้าแห่งวิชาการ” เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงอีกที่หนึ่ง เป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวหรือคนญี่ปุ่นที่มักจะมาอธิษฐานขอพรกัน โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาที่จะมาขอพรเรื่องการสอบสร้างความสบายใจให้ตัวเองกัน ก็จะมีลูบรูปปั้นวัวที่ตั้งอยู่หลายจุดภายในศาลเจ้า ภายในมีประตูโทริอิขนาดใหญ่ สระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบเป็นตัวอักษรญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า หัวใจ (心) บริเวณศาลเจ้ายังมีต้นบ๊วยกว่า 6,000 ต้นที่ให้ความร่มรื่นสุด ๆ ยิ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคมจะกลายเป็นจุดชมดอกบ๊วยที่สวยงามมากอีกด้วย
เวลาเปิด – ปิด : 06.00 น. – 19.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Dazaifu เดินอีกประมาณ 5 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Dazaifu
10. วัดโคเมียวเซ็นจิ (光明禅寺)
View this post on Instagram
วัดนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามศาลเจ้าดาไซฟุ เป็นวัดเซนเก่าแก่ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะคิวชู ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้คือ การจัดสวนหินญี่ปุ่นรอบวัดอย่างประณีตสวยงาม สวนนี้ไม่มีสระน้ำหรือสำธาร แต่จะตกแต่งด้วยหินก้อนใหญ่กับกรวดก้อนเล็ก ๆ เป็นลวดลายรอบก้อนหินแต่ละจุด ต้นไม้ใหญ่ของที่วัดส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิ้ล ซึ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหลืองร่วงลงบนก้อนหินและกรวดยิ่งดูงดงามเข้าไปใหญ่ วัดนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วย
เวลาเปิด – ปิด : 08.00 น. – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : 200 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Dazaifu เดินอีกประมาณ 5 นาที
จะกระตุ้นต่อมอยากไปเที่ยวของเพื่อน ๆ บ้างมั้ย นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจังหวัดฟุคุโอกะเท่านั้นนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะสัมผัสหรือรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่านี้ ก็ต้องเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันเลย GO!