ฤดูร้อน ฤดูกาลแห่งสีสัน การพักผ่อน และฤดูกาลที่เหมาะอย่างยิ่งกับการเที่ยวฟุคุชิมะและมิยางิ สองจังหวัดทางใต้ของโทโฮคุที่ไม่ไกลจากโตเกียวนัก แต่มีน้อยคนที่จะรู้ถึงเสน่ห์แห่งสีสันที่ซ่อนอยู่ในสองจังหวัดนี้ ฤดูร้อนนี้ ANNGLE ขอเชิญชวนเพื่อนๆ หลบแสงสีนีออนที่คุ้นเคย แล้วตาม ANNGLE กับน้อง “นารุโกะ” ตุ๊กตาโคะเคชิผู้เป็นไกด์ประจำทริปนี้ไปอาบสีสันแห่งฤดูร้อนของโทโฮคุตอนใต้ให้ชื่นใจกันค่ะ
แจกแพลนเที่ยวโทโฮคุตอนใต้! ตามหาเสน่ห์ Unseen ในฟุคุชิมะ-มิยางิ 4 คืน 5 วัน
สำหรับทริปนี้จะเป็นทริปเที่ยวโทโฮคุตอนใต้ในพื้นที่จังหวัดฟุคุชิมะและมิยางิในช่วงกลางปีจนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง แม้จะเป็นบริเวณตอนใต้ของโทโฮคุที่ไม่ไกลจากโตเกียวนัก แต่อากาศที่นี่ในช่วงฤดูร้อนกลับสบายพอๆ กันกับอะคิตะและอาโอโมริที่อยู่เหนือสุดของโทโฮคุทีเดียว โดยมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 16 องศาเซลเซียส เป็นสภาพอากาศที่คงถูกใจทั้งคนขี้หนาวและคนขี้ร้อนแน่นอน
นอกจากนี้ เพราะทริปนี้เป็นทริปที่เราจะนั่งรถไฟและรถบัสตะลอนไปรอบๆ โทโฮคุตอนใต้ และยังมีกิจกรรมเดินเขา พายเรือ และนั่งเรือชมอ่าวด้วย ช่วงฤดูร้อนแบบนี้จึงเป็นช่วงที่เราจะสนุกกับกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ได้อย่างเต็มที่! โดยเฉพาะการนั่งรถไฟ FruiTea Fukushima และการนั่งเรือชมอ่าวมัตสึชิมะ อ่าวที่สวยติดอันดับอ่าวที่สวยที่สุดในโลก! ยังไม่นับบรรดาวัฒนธรรม ศิลปะญี่ปุ่น-ยุโรป และของอร่อยที่หาได้เฉพาะโทโฮคุเท่านั้นที่รอเพื่อนๆ ไปค้นหากันอยู่ค่ะ!
เริ่มออกเดินทาง
Day 1
—START—
Tokyo Station → Koriyama Station
เริ่มต้นทริปกันด้วย FruiTea Fukushima
FruiTea Fukushima เป็นหนึ่งในรถไฟ Joyful Train (รถไฟที่มีธีมเฉพาะตัวและเน้นเพื่อการท่องเที่ยว) และเป็นรถไฟไฮไลท์ประจำทริปนี้ โดยธีมของ FruiTea Fukushima คือ “คาเฟ่ท่องเที่ยว” ซึ่งบนรถจะมีขนมหวานจากผลไม้ประจำฤดูกาลของฟุคุชิมะให้ได้ชิมขณะชมวิวชนบทของญี่ปุ่นไปด้วย เรียกได้ว่า FruiTea Fukushima ทั้งขบวนคือคาเฟ่วิ่งได้เลยทีเดียว!
SPOT 1 : อินาวะชิโระ ทะเลสาบที่มีชื่อเล่นว่า “กระจกแห่งสวรรค์”
ทะเลสาบอินาวะชิโระเป็นทะเลสาบที่ใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่น และเป็นทะเลสาบที่มีชื่อเล่นว่า “กระจกแห่งสวรรค์” ที่มีที่มาจากภาพท้องฟ้าที่สะท้อนอยู่บนพื้นผิวของทะเลสาบ อีกไฮไลท์ของอินาวะชิโระคือฝูงหงส์นับพันตัวที่จะอพยพมาที่นี่ทุกปีให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสง่าของนกที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองอินาวะชิโระ
นอกจากนี้ พื้นที่อินาวะชิโระยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีต้นไม้ดอกไม้ตามฤดูกาลให้ชมตลอดปี และยังเป็นจุดเล่นสกีและแหล่งออนเซ็นให้สนุกเพลิดเพลินได้ เรียกได้ว่าจะมาเที่ยวตอนไหนและมากับใคร อินาวะชิโระก็มีอะไรให้สนุกได้ตลอด
Inawashiro → Urabandai
SPOT 2 : อุระบันได “อาณาจักรแห่งทะเลสาบ” จุดหมายของสายผจญภัย
หลังจากที่ผจญภัยแบบวอร์มอัพกันที่อินาวะชิโระแล้ว เราก็มาถึงจุดผจญภัยท่ามกลางป่าเขาของญี่ปุ่นของจริง นั่นคืออุระบันได แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีฉายาว่า “อาณาจักรแห่งทะเลสาบ” ด้วยทะเลสาบและบึงกว่า 300 แห่งที่หลบซ่อนอยู่ตามภูเขาในบริเวณนี้ ซึ่งเราจะมาเดินท่องอุระบันไดของจริงกันในวันถัดไปค่ะ สำหรับวันแรกของทริป เรามาอร่อยกับเมนูประจำถิ่นอย่างราเม็งเกลือภูเขาพร้อมชมธรรมชาติสวยๆ ชิลๆ กันค่ะ!
View this post on Instagram
คืนนี้ค้างแถวนี้: อุระบันได
อุระบันไดนับเป็นแหล่งตั้งแคมป์ยอดนิยมแห่งหนึ่งและเป็นจุดเล่นสกีที่มีชื่อเสียง ทำให้ที่นี่มีที่พักหลายแบบให้เลือก ตั้งแต่บ้านพักสไตล์เกสท์เฮาส์ไปจนถึงรีสอร์ทระดับห้าดาว โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่คืนละ 7,000 เยน (2,000 บาท) ไปจนถึง 80,000 เยน (23,000 บาท) สำหรับตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือ Active Resorts URABANDAI รีสอร์ทเรทราคาจับต้องได้ (คืนละ 10,000 เยน / 3,000 บาท) ที่มาพร้อมกับห้องพักสะดวกสบาย ออนเซ็น และยังตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้กับจุดหมายปลายทางของเราในวันพรุ่งนี้ด้วย
Day 2
—START—
เริ่มวันกันด้วยการเดินเที่ยวอุระบันได!
SPOT 3 : เริ่มต้นวันกันอย่างสดชื่นกับสีฟ้าหลากเฉดที่โกะชิคินุมะ
โกะชิคินุมะหรือ “บึงห้าสี” เป็นชื่อเรียกบึงห้าบึงที่ต่างมีเฉดสีฟ้าเขียวต่างกันออกไป ตั้งแต่สีฟ้าพาสเทล สีมรกต จนถึงสีโคบอลต์ ซึ่งสีสันของบึงทั้งห้านี้ล้วนเป็นสีตามธรรมชาติที่สวยงามราวกับมีจิตรกรมาผสมสีวาดให้เห็น ทำให้แค่มองก็รู้สึกสดชื่นแล้ว แต่ถ้าไม่พอ เพื่อนๆ ก็ยังเข้าไปสัมผัสความงามของโกชิคินุมะได้โดยการพายเรือที่บึงบิชามอนนุมะ บึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาบึงทั้ง 5 นี้ได้อีกด้วย!
หลังจากเดินชมบึงทั้งห้าของโกะชิคินุมะแล้ว พักเหนื่อยมาชมศิลปะที่ Morohashi Museum of Modern Art พิพิธภัณฑ์สุดโมเดิร์นใจกลางป่าเขาแห่งอุระบันไดกันค่ะ ที่พิเศษคือที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวในเอเชียที่จัดแสดงงานศิลปะของ Salvador Dali ศิลปินระดับโลกชาวสเปนอยู่ตลอดทั้งปี พร้อมมีผลงานของศิลปินชื่อดังอย่าง Van Gogh และ Paul Cezanne อีกด้วย นับเป็นการปิดคอร์สท่องอุระบันไดที่ไม่เลวเลยค่ะ
View this post on Instagram
จากโกะชิคินุมะ เพื่อนๆ สามารถนั่งรถมาที่หุบเขานากาสึกาวะ ซึ่งในบริเวณนั้นมีไฮไลท์สำคัญๆ อยู่สองจุด จุดแรกคือสะพานข้ามหุบเขาที่เราสามารถเห็นวิวอลังการของหุบเขาได้แบบรอบทิศ และอีกไฮไลท์คือการลงไปเดินเลียบลำธารด้านล่างเพื่อชมความยิ่งใหญ่และสวยงามของหุบเขาได้อย่างใกล้ชิด!
Urabandai → Inawashiro
Inawashiro → Aizu-Wakamatsu Station
คืนนี้ค้างแถวนี้: Aizu-Wakamatsu Station
Aizu-Wakamatsu Station เป็นสถานีรถไฟหลักในย่านไอสึวากามัตสึ ทำให้บริเวณสถานีค่อนข้างคึกคักและมีที่พัก ร้านอาหาร และร้านค้ามากมายอำนวยความสะดวก ในจำนวนนี้ ที่พักที่น่าสนใจคือ Ekimae Fuji Grand Hotel โรงแรมใกล้สถานีราคา 10,000 เยน (3,000 บาท) ต่อคืน และถ้าเดินเลยโรงแรมไปอีก เพื่อนๆ จะเจอกับออนเซ็น Fujinoyu ออนเซ็นที่มีครบทั้งบริการแช่ออนเซ็น อาหาร และนวดผ่อนคลาย เหมาะกับการคลายเหนื่อยจากการเดินท่องอุระบันไดเป็นอย่างยิ่ง!
Day 3
—START—
Aizu-Wakamatsu Station → Aizu-Miyashita Station
Aizu-Miyashita Station → Oze-Kaido Mishima-juku
Oze-Kaido Mishima-juku → No.1 Tadami River Bridge
SPOT 4 : มุ่งหน้าสู่สะพาน “No.1 Tadami River Bridge” ที่สุดของจุดชมวิวของฟุคุชิมะ
ไฮไลท์ของวันนี้ “No.1 Tadami River Bridge” เป็นจุดชมวิวแม่น้ำทะดะมิของจังหวัดฟุคุชิมะที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเพื่อเก็บภาพวิวที่นี่ ถึงจะดูเป็นวิวที่เรียบง่ายโดยมีสะพานทอดระหว่างหุบเขาเหนือแม่น้ำที่เรียบสงบและมีรถไฟวิ่งผ่าน แต่ภาพที่เรียบง่ายนี้เองที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ ซึ่งภาพวิวนี้ยังสวยต่างกันออกไปในแต่ละฤดูด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาที่นี่อยู่บ่อยครั้งเพื่อเก็บภาพความทรงจำให้ครบทุกฤดูนั่นเอง
ใกล้ๆ กับจุดชมวิวสะพานจะมีออนเซ็นสาธารณะชื่อ Kiri no Sato Club Kirinoyu ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแวะไปพักผ่อนแช่ออนเซ็นสบายๆ ได้ ออนเซ็นเปิดให้บริการเวลา 11:00-21:00 น. โดยมีค่าเข้าอยู่ที่ 420 เยนต่อคน นอกจากออนเซ็นแล้วข้างในก็มีร้านเนื้อย่างด้วย แช่น้ำร้อนเสร็จแล้วออกมากินปิ้งย่างต่อได้สบายเลย
View this post on Instagram
No.1 Tadami River Bridge → Aizu-Wakamatsu Station
คืนนี้กลับมาค้างแถว Aizu-Wakamatsu Station
คืนนี้เราก็ยังคงค้างกันที่สถานี Aizu-Wakamatsu Station สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากสำรวจรอบๆ สถานีบ้าง ในบริเวณใกล้ๆ กันมีร้านอาหารท้องถิ่นมากมาย โดยเฉพาะร้านอิซากายะ (ร้านอาหารที่เสิร์ฟสุรา) เช่น Kodawariyama Aizuwakamatsu ร้านอิซากายะเล็กๆ ที่เพื่อนๆ จะเข้าไปอร่อยกับอาหารบรรยากาศท้องถิ่นก็ได้ หรือจะสังสรรค์หน่อยก็เป็นสีสันได้ดี โดยในร้านจะมีพนักงานและเจ้าของร้านต้อนรับอย่างเป็นกันเอง และถ้าจังหวะดี เราอาจจะได้ฟังเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับไอสึวากามัตสึจากเจ้าของร้านและพนักงานอีกด้วย
Day 4
—START—
Aizu-Wakamatsu Station → Tsuruga Castle
SPOT 5 : ปราสาทสึรุงะ ปราสาทที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของเมืองแห่งซามูไร
มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องมาเยือนปราสาทญี่ปุ่นสักแห่งให้ได้ โดยปราสาทประจำทริปนี้คือปราสาทสึรุกะ ปราสาทที่เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสุดท้ายของซามูไรที่ภักดีต่อโชกุนในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลเมจิ สมกับที่เป็นปราสาทประจำเมืองแห่งซามูไรอย่างแท้จริงทีเดียวค่ะ
หลังจากเก็บภาพมุมสวยของปราสาทสึรุงะท่ามกลางแมกไม้ของสวนรอบปราสาท พร้อมชมพิพิธภัณฑ์ซามูไรภายในปราสาทแล้ว ในสวนของปราสาทยังมีโรงน้ำชาที่ผู้ครองแคว้นในอดีตเคยใช้จัดพิธีชงชา รวมถึงในบริเวณใกล้เคียงยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่างพิพิธภัณฑ์สาเกไอสี และพิพิธภัณฑ์จังหวัดฟุคุชิมะอยู่ด้วย
Tsuruga Castle → Akabeko Crafter Bansho
SPOT 6 : ระบายสีตุ๊กตาอะกะเบโกะหนึ่งเดียวของเราที่ “Akabeko Crafter Bansho”
ตั้งแต่มาถึงฟุคุชิมะเพื่อนๆ อาจจะได้เห็นตุ๊กตาวัวสีแดง “อะกะเบโกะ” ของเล่นและเครื่องรางเก่าแก่ประจำจังหวัดวางอยู่ตามที่ต่างๆ และสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากได้ของเล่นวัวหัวดุ๊กดิ๊กน่ารักนี้กลับบ้าน ก้าวเข้าไปใน Akabeko Crafter Bansho เพื่อลงมือทำเปเปอร์มาร์เช่และระบายสีอะกะเบโกะด้วยตัวเอง แล้วนำอะกะเบโกะฝีมือเราที่มีตัวเดียวในโลกกลับบ้านกันได้เลยค่ะ
Aizu-Wakamatsu Station → Koriyama Station
Koriyama Station → Sendai Station
คืนนี้ค้างแถวนี้: Sendai Station
สถานี Sendai Station น่าจะเป็นจุดค้างคืนของเราที่คึกคักที่สุดแล้วในทริปนี้ นอกจากห้างฯ S-PAL Sendai ในสถานี Sendai Station แล้ว รอบๆ ยังมีห้างฯ อีกหลายแห่งเช่น PARCO ให้เข้าไปจับจ่ายซื้อของได้ตามสะดวก คืนสุดท้ายแล้วสำหรับทริปนี้ กางลิสต์ของฝากแล้วตะลุยห้างชอปปิ้งให้สุดๆ ไปเลย
สำหรับที่พักนั้น ที่ใกล้ที่สุดคือ Hotel Metropolitan Sendai East ที่มีราคาที่พักประมาณคืนละ 15,000 เยน (4,000 บาท) หรือถ้าขยับออกไปอีก ก็จะมีโรงแรมอื่นๆ ให้เลือกพักได้ในราคาที่ถูกลงมา โดยราคาถูกสุดอยู่ที่คืนละ 5,000 เยน (1,500 บาท)
Day 5
—START—
Sendai Station → Matsushimakaigan Station
Matsushimakaigan Station → Kanrantei Tea House
SPOT 7 : จิบหาหอมพร้อมชมวิวทะเลที่ “เรือนน้ำชา Kanrantei”
เรือนน้ำชา Kanrantei เป็นเรือนน้ำชาที่ตั้งอยู่ริมทะเลและเห็นวิวอ่าวมัตสึชิมะได้ ชื่อ Kanrantei นั้นแปลได้ว่า “มองคลื่นทะเล” ซึ่งตรงตามวิวที่เราจะได้เห็นเมื่อมานั่งในเรือนน้ำชาพร้อมชาหอมๆ และขนมอร่อยๆ ที่พนักงานมาเสิร์ฟให้ นอกจากนี้ Kanrantei ยังเคยเป็นเรือนที่ไว้รับรองบุคคลสำคัญ และยังมีอีกชื่อว่า “ปราสาทชมจันทร์” เพราะเป็นที่สำหรับให้เจ้าครองแคว้นได้มานั่งชมจันทร์กันนั่นเอง นับเป็นการเริ่มวันกันด้วยการสัมผัสถึงความงามของมัตสึชิมะที่คนในอดีตได้เห็นกันมาช้านาน
Kanrantei Tea House → Sightseeing Boat Pier
SPOT 8 : นั่งเรือชมอ่าวมัตสึชิมะ อ่าวที่สวยติดอันดับของญี่ปุ่นและโลก!
หลังจากชมวิวทะเลที่เรือนน้ำชา Kanrantei แล้ว เชื่อว่า ณ ตอนนี้เพื่อนๆ คงเริ่มอยากเข้าไปชมทะเลแห่งนี้กันมากขึ้น ทริปนี้เราเลยจัดเที่ยวเรือชมอ่าวมัตสึชิมะไว้ด้วยค่ะ! โดยเป็นทริปนั่งเรือชมรอบอ่าวมัตสึชิมะประมาณ 50 นาที
Sightseeing Boat Pier → Fukuura Island
SPOT 9 : “เกาะฟุคุอุระ” สวนพฤกษชาติขนาดใหญ่ของมัตสึชิมะ
ที่สุดท้ายที่เราจะแวะกันในทริปนี้คือเกาะฟุคุอุระ เกาะที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ให้เดินชมพรรณไม้กว่า 300 ชนิด และก่อนจะไปถึงเกาะ เรายังจะได้ชมวิวทะเลอีกรอบจากบนสะพานข้ามทะเลอีกด้วยนะ! ทางเข้าไปยังสะพานข้ามเกาะฟุคุอุระนั้นอยู่หลังร้านคาเฟ่ Bayland ซึ่งเพื่อนๆ สามารถซื้อตั๋วเข้าได้ที่นี่ และขากลับยังแวะพักทานของอร่อยๆ ที่คาเฟ่ก่อนเดินทางต่อได้อีกด้วย
Fukuura Island → Matsushimakaigan Station
Matsushimakaigan Station → Sendai Station
ความพิเศษของซุนดะโมจิคือการใช้ถั่วแระญี่ปุ่น ต่างกับโมจิอื่นที่มักใช้ถั่วแดง ทำให้ซุนดะโมจิมีความหอมอร่อยต่างจากโมจิขนิดอื่นๆ ค่ะ!
บ๊ายบายโทโฮคุ!
Sendai Station → Tokyo Station
ขอบคุณที่มาเที่ยวโทโฮคุด้วยกันกับเรา!
ให้ทริปโทโฮคุง่ายขึ้น! ด้วย JR EAST PASS (Tohoku Area)
JR EAST PASS (Tohoku Area) เป็นตั๋วประเภท Pass จาก JR East ที่จะมาปลดล็อคให้การเดินทางในโทโฮคุง่ายขึ้น เพียงจองตั๋วออนไลน์แล้วมารับตั๋วที่ญี่ปุ่น เพื่อนๆ ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ ในโทโฮคุได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อตั๋วอื่นเพิ่ม และยังสามารถนั่งชินกันเซนและรถไฟ Joyful Train อย่าง FruiTea Fukushima เพื่อเพิ่มสีสันให้กับทริปได้อีกด้วย!
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง JR EAST PASS (Tohoku Area)
เกี่ยวกับ JR EAST PASS: jreast.com
จองตั๋ว JR EAST PASS: eki-net.com
Special Thanks
JR EAST
Facebook Fanpage “Outside The Room”