ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่น หลาย ๆ คนคงรู้จักหรือเคยได้ยินแต่ชื่อจังหวัดดัง ๆ เช่น โตเกียว โอซาก้า เกียวโต แต่จะมีใครรู้บ้างว่ายังมีอีกจังหวัดที่น่าไปเที่ยวไม่แพ้กันเลย นั่นคือ จังหวัดกุนมะนั่นเอง จังหวัดกุนมะตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น จากโตเกียวสามารถเดินทางไปได้ง่าย ๆ ด้วยชินกันเซ็นโดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น จังหวัดกุนมะจึงเป็นจุดหมายที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้เดินทางที่ไปเที่ยวโตเกียว
จังหวัดกุนมะเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อนหรือออนเซ็นมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น ด้วยความที่จังหวัดนี้มีออนเซ็นมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ถูกเรียกว่าเป็น “ออนเซ็น ไดโกกุ (温泉大国)” ที่แปลตรงตัวได้ว่า “ประเทศมหาอำนาจแห่งออนเซ็น” ในบรรดาออนเซ็นน้อยใหญ่ทั้งหลายของจังหวัดกุนมะ มีออนเซ็นอยู่ 4 แห่งที่มีชื่อเสียงมากขนาดที่ว่าถ้าไม่ได้ไปเยือนออนเซ็นเหล่านี้ก็ถือว่าไปไม่ถึงจังหวัดกุนมะ ว่าแล้วเรามาทำความรู้จักกับออนเซ็นทั้ง 4 แห่งนี้กันเลยดีกว่า
คุซัทสึ ออนเซ็น (草津温泉)
คุซัทสึ ออนเซ็น เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น (อีก 2 แห่งได้แก่ อาริมะ ออนเซ็น ที่จังหวัดเฮียวโกะ และเกโระ ออนเซ็น จังหวัดกิฟุ) ทั้งยังเป็นออนเซ็นที่ได้อันดับ 1 ในการจัดอันดับรวมออนเซ็น 100 แห่งของญี่ปุ่นติดต่อกัน 16 ปีซ้อน โดยมี “ยุบาทาเคะ” น้ำพุร้อนผุดขึ้นและไหลตามรางน้ำไปยังบ่อออนเซ็น เป็นจุดชมน้ำพุร้อนที่เลื่องชื่อ

คุซัทสึ ออนเซ็น เป็นออนเซ็นที่มีน้ำแร่พุ่งออกมาโดยธรรมชาติมากที่สุดในญี่ปุ่นในปริมาณ 32,300 ลิตรต่อนาที น้ำมีความเป็นกรด จึงมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ มีประสิทธิภาพช่วยรักษาอาการทั่วไป, บาดแผล, โรคผิวหนังเรื้อรัง, โรคแผนสตรีเวชเรื้อรัง และหลอดเลือดแดงแข็งตัว เป็นต้น เพื่อน ๆ สามารถมาแช่ออนเซ็นพร้อมดื่มด่ำกับวัฒนธรรมและบรรยากาศสไตล์เอโดะของญี่ปุ่นได้ที่นี่
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): kusatsu-onsen.ne.jp
อิคาโฮะ ออนเซ็น (伊香保温泉)
อิคาโฮะ ออนเซ็น เป็นแหล่งออนเซ็นอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 700 เมตร ว่ากันว่าถูกค้นพบครั้งแรกจากการปะทุของภูเขาไฟฮารุนะเมื่อราว ๆ 1,900 ปีก่อน จึงเป็นออนเซ็นที่มีประวัติยาวนานมาก ที่นี่เพื่อน ๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับน้ำพุร้อน 2 ชนิดคือ “โคงาเนะโนะยุ” ที่มีสีน้ำตาลแดง และ “ซิโรงาเนะโนะยุ” ที่มีสีสีขาวใส อันเป็นลักษณะเด่นของอิคาโฮะ ออนเซ็นแห่งนี้ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน น้ำเป็นน้ำพุร้อนเกลือซัลเฟต มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการทั่วไป, บาดแผล, แผลไฟไหม้, โรคผิวหนังเรื้อรัง, หลอดเลือดแดงแข็งตัว ฯลฯ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของอิคาโฮะ ออนเซ็นคือ บันไดหิน 365 ขั้น ที่ผู้มาเยือนสามารถเดินทอดน่องและเพลิดเพลินกับร้านค้าสองข้างทางได้ในบรรยากาศสบาย ๆ สำหรับเหตุผลที่ทำบันได 365 ขั้นก็เพื่อให้อิคาโฮะ ออนเซ็นรุ่งเรืองมั่งคั่งตลอดปีทั้ง 365 วันนั่นเอง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของขนมออนเซ็นมันจู (ขนมมันจูที่นึ่งโดยใช้ไอความร้อนของน้ำพุร้อน) ใครชอบทานออนเซ็นมันจูห้ามพลาดเด็ดขาดเลย
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): ikaho-kankou.com
ย่านมินาคามิ ออนเซ็น (水上温泉郷)
ย่านมินาคามิ ออนเซ็น เป็นย่านที่รวมออนเซ็นทั้งหมด 9 แห่งด้วยกัน ตั้งอยู่บนฝั่งลำธารภูเขาซึ่งน้ำไหลลงมาจากเทือกเขาทานิงาวะ น้ำพุร้อนของที่นี่เป็นน้ำเกลือซัลเฟตสีใส มีประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผล, แผลไฟไหม้, โรคผิวหนังเรื้อรัง และหลอดเลือดแดงแข็งตัว เป็นต้น เพื่อน ๆ สามารถนั่งแช่ออนเซ็นและชมวิวอันงดงามตระการตาของหุบเขาอันเป็นที่โปรดปรานของนักประพันธ์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงหลายคน ทั้งอะคิโกะ โยซาโนะ, โอซามุ ดาไซ, ฮาคุชู คิตะฮาระ ฯลฯ
หากมาที่นี่เพื่อน ๆ สามารถนั่งรถไฟ SL มินาคามิ “D-51” หรือ “C-61” ซึ่งเป็นรถจักรไอน้ำที่วิ่งระหว่างสถานีมินาคามิ-สถานีทาคาซากิ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศอันรื่นรมย์ของหุบเขา ลำธาร และป่าไม้ธรรมชาติอันกว้างใหญ่ สำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติและรถไฟโบราณแล้ว นี่ก็ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาจากที่อื่นไม่ได้ง่าย ๆ
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): enjoy-minakami.com
ชิมะ ออนเซ็น (四万温泉)
ชิมะออนเซ็น เป็นออนเซ็นเงียบสงบที่ว่ากันว่าสามารถรักษาโรคได้ถึง 40,000 โรค ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ชิมะ” ที่แปลว่า “สี่หมื่น” นั่นเอง น้ำออนเซ็นเป็นน้ำคลอไรด์ มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคลำไส้และกระเพาะอาหาร โรคปวดประสาท และโรคผิวหนังได้ดี
ไฮไลท์ของที่นี่คือ เซกิเซ็นกัน อาคารหลักหลังใหญ่ที่เป็นทั้งทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมของจังหวัดและเรียวกังที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของเรียวกังออนเซ็นที่ปรากฏในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิอีกด้วย ในเวลากลางคืนอาคารหลังนี้จะเปิดไฟสีเหลืองทองสว่างไสวราวกับฉากที่เห็นในภาพยนตร์เลยทีเดียว
ถนนหนทางรอบ ๆ ชิมะออนเซ็นแห่งนี้ร่มรื่นและมีกลิ่นอายของเมืองเก่า ด้วยความที่มีนักท่องเที่ยวไม่มากและไม่มีแหล่งบันเทิงใด ๆ ทำให้ที่นี่เป็นจุดมุ่งหมายของผู้ที่รักความสงบและความเป็นส่วนตัว รวมถึงผู้ที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และแม่น้ำลำธาร
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): nakanojo-kanko.jp
วิธีการแช่ออนเซ็นที่ถูกต้องตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น
1. ดื่มน้ำก่อนและหลังแช่ออนเซ็น
เวลาที่แช่ออนเซ็นเราอาจไม่รู้สึกตัวว่าเหงื่อออก แต่ความจริงแล้วการแช่น้ำร้อนที่อุณหภูมิ 41°C เป็นเวลา 30 นาที จะทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาประมาณ 800 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นสาเหตุให้ร่างกายขาดน้ำได้ การดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มชดเชยน้ำและแร่ธาตุ เช่น โพคารี่สเวท ทั้งก่อนและหลังแช่ออนเซ็นจึงเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญ โดยควรดื่มก่อนลงแช่ประมาณ 15-30 นาที ซึ่งตามออนเซ็นและเรียวกังส่วนมากก็จะมีเครื่องดื่มเตรียมไว้ให้
2. อาบน้ำก่อนแช่ออนเซ็น
การอาบน้ำไม่เพียงแต่เป็นมารยาทที่ดีในการขจัดสิ่งสกปรกบนร่างกายก่อนแช่ออนเซ็นเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับอุณหภูมิของร่างกายให้พร้อมแช่น้ำร้อนด้วย
3. แช่ออนเซ็นให้ถูกวิธี
เริ่มจากการจุ่มเท้าก่อน จากนั้นลงแช่ครึ่งตัว แล้วจึงแช่เต็มตัวตามลำดับเพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับอุณหภูมิ ออนเซ็นหลายแห่งจะมีบ่อน้ำเย็นและน้ำร้อนให้แช่สลับไปมาเพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้ร้อนจนเกินไป แนะนำให้แช่น้ำร้อน 3 นาที แล้วเปลี่ยนไปแช่น้ำเย็น 1 นาที สลับไปมา 5 ครั้ง และระวังไม่นั่งแช่ในน้ำร้อนนานเกินไปโดยที่ไม่ขึ้นจากบ่อเลย
4. วางผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นไว้บนศีรษะ
ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ได้มาตอนเช้าออนเซ็นให้ชุบน้ำเย็นแล้วพับวางไว้บนศีรษะ (ห้ามเอาจุ่มในบ่อออนเซ็นเด็ดขาด) เพื่อให้ศีรษะเย็นลงและป้องกันไม่ให้เลือดไหลขึ้นศีรษะจากการแช่น้ำร้อนโดยเฉพาะเมื่อแช่ออนเซ็นกลางแจ้งหรือกลางฤดูร้อน
5. ขึ้นจากออนเซ็นโดยไม่ต้องอาบน้ำ
ในน้ำออนเซ็นมีส่วนประกอบของแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและผุดผ่อง ถ้าเราอาบน้ำหลังแช่ออนเซ็นจะทำให้น้ำออนเซ็นที่เคลือบผิวหลุดออกไป ดังนั้นถ้าอยากให้ผิวสวยก็ไม่ต้องอาบน้ำ ขึ้นจากบ่อเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนชุดได้เลย (ยกเว้นออนเซ็นบางประเภท เช่น ออนเซ็นที่น้ำมีความเป็นกรด)
เป็นยังไงบ้างกับออนเซ็นท็อป 4 ของจังหวัดกุนมะ? น่าไปหมดทุกที่เลยเนอะ น้ำออนเซ็นแต่ละแห่งก็มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการรักษาที่แตกต่างกันไป เท่านั้นไม่พอยังมีเสน่ห์ประจำแต่ละท้องที่ที่ไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้อยู่ในจังหวัดเดียวกัน ถ้าได้จัดทริปและเลือกออนเซ็นตามความชอบและประเภทของน้ำพุร้อนที่เหมาะกับตัวเองก็คงจะสนุกไม่เบา เพื่อน ๆ ถ้ามีโอกาสก็ลองจัดทริปไปแช่ออนเซ็นที่จังหวัดกุนมะดูนะ แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าให้ฟังด้วยว่าฟินแค่ไหน
ที่มา: visitgunma, icotto, travel.rakuten, sekizenkan