ความโรแมนติก ความขลัง และความสวยงาม คือคำนิยามของ “มัตสึชิมะ (松島)” เมืองในจังหวัดมิยางิที่ติดอันดับสามวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นเมืองที่มีอ่าวที่สวยติดอันดับโลกอีกด้วย แต่ความน่าเที่ยวของมัตสึชิมะไม่ได้อยู่แค่วิวทะเลสวยเท่านั้น เพราะที่นี่ยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมและศิลปะที่รวมกันจนเป็นเสน่ห์ที่ดึงให้นักท่องเที่ยวกลับมาได้อย่างไม่มีเบื่อ
พูดถึงเมืองที่มีทะเลสวยก็ต้องซีฟู้ด!
อย่างแรกที่ดึงให้นักท่องเที่ยวต้องกลับมาเยือนมัตสึชิมะอยู่เรื่อยๆ คือบรรดาอาหารทะเลอร่อยๆ ที่จับคู่กับวิวทะเลสวยๆ ได้อย่างไม่มีที่ติ โดยเมนูขึ้นชื่ออันดับหนึ่งของที่นี่คือหอยนางรมที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยสูสีกับหอยนางรมของดีฮิโรชิมะทีเดียว ชอบเมนูหอยนางรมไหน มัตสึชิมะก็มีให้หมด แต่ที่ห้ามพลาดคือข้าวหน้าหอยนางรมที่จะมีในช่วงตุลาคม-มีนาคมของทุกปี
View this post on Instagram
นอกจากหอยนางรมแล้ว มัตสึชิมะยังมีเมนูซีฟู้ดขึ้นชื่ออีกสองอย่าง นั่นคือหอยกาบและปลาไหลทะเลย่าง แต่ถ้าสายขนมหวานก็ต้องทาร์ตฟักทองที่มีไส้ฟักทองเนื้อแน่น แป้งทาร์ตกรุบกรอบ และท้อปปิ้งคาราเมลหอมมัน
สัมผัสทุกเสน่ห์ของมัตสึชิมะกับ 7 จุดท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด
ถึงจะเป็นเพียงบริเวณเล็กๆ ริมอ่าว แต่มัตสึชิมะมีจุดท่องเที่ยวน่าแวะหลายแห่งที่ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์-วัฒนธรรมและสายชมวิวถ่ายรูป และนี่คือลิสต์ 7 จุดท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของมัตสึชิมะ
1. Saigyo Modoshi no Matsu Park (西行戻しの松公園)

ถ้าอยากเห็นวิวอ่าวมัตสึชิมะแบบพาโนรามา ก็ต้องสวน Saigyo Modoshi no Matsu Park ที่เป็นจุดชมวิวขึ้นชื่อ และยังเป็นสวนที่มีซากุระกว่า 200 ต้นอยู่ด้วย ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมซากุระชื่อดังที่มีอ่าวมัตสึชิมะทั้งอ่าวเป็นฉากหลัง
ชื่อ Saigyo Modoshi no Matsu Park มีที่มาจากเรื่องเล่าว่า “ไซเกียว” กวีชื่อดังของญี่ปุ่นได้แวะมาที่นี่ระหว่างเดินทางแสวงบุญและพบกับเด็กชายคนหนึ่ง ทั้งคู่ได้ประลองปัญญาด้วยปริศนาเซนแต่ไซเกียวกลับแพ้ และล้มเลิกที่จะเดินทางต่อไปยังมัตสึชิมะแล้วเดินทางต่อไปยังที่อื่นแทน แต่ถึงไซเกียวจะไปไม่ถึงมัตสึชิมะ แต่เชื่อว่าอย่างน้อยไซเกียวก็คงได้เห็นวิวสวยงามของมัตสึชิมะอย่างที่พวกเราเห็นอยู่ทุกวันนี้แน่นอน
2. เกาะโอชิมะ (雄島)

เกาะโอชิมะเป็นเกาะที่สามารถเดินข้ามสะพานไปได้ และเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของมัตสึชิมะ โอชิมะมีถ้ำเล็กใหญ่มากถึง 50 แห่ง พร้อมอนุสรณ์ทางศาสนาพุทธแด่ผู้ที่ล่วงลับและชื่อพระสงฆ์องค์สำคัญอยู่ เกาะโอชิมะมีเรื่องเล่าว่าในอดีตมีพระภิกษุรูปหนึ่งมาปฏิบัติธรรมที่นี่เป็นเวลา 12 ปี ซึ่งจักรพรรดิญี่ปุ่นทรงเลื่อมใสและส่งต้นสน 1,000 มาถวาย จนเป็นที่มาของชื่อมัตสึชิมะของพื้นที่บริเวณนี้ (ต้นสน: มัตสึ 松)
3. เรือนน้ำชา Kanrantei (観瀾亭)

เรือนน้ำชา Kanrantei เป็นเรือนน้ำชาที่ตั้งอยู่ริมทะเล และเป็นเรือนน้ำชาที่ตกทอดมาในบรรดาบุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะดาเตะ มาซามุเนะ เจ้าครองแคว้นคนสำคัญของบริเวณจังหวัดมิยางิในยุคสงครามของญี่ปุ่น ชื่อ Kanrantei ที่ดาเตะ มาซามุเนะตั้งขึ้น แปลได้ว่า “มองคลื่นทะเล” ซึ่งตรงตามวิวที่เราจะได้เห็นเมื่อมานั่งในเรือนน้ำชาพร้อมชาหอมๆ และขนมอร่อยๆ
นอกจากนี้ Kanrantei ยังเคยเป็นเรือนที่ไว้รับรองบุคคลสำคัญ และยังมีอีกชื่อว่า “ปราสาทชมจันทร์” เพราะเป็นที่สำหรับให้เจ้าครองแคว้นได้มานั่งชมจันทร์กันนั่นเอง
View this post on Instagram
Kanrantei Tea House
เวลาทำการ: (เมษายน-ตุลาคม) 8.30 – 17.00 น.
(พฤศจิกายน-มีนาคม) 8.30 – 16.30 น.
วันหยุด: ไม่มี
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 200 เยน
นักศึกษาและนักเรียนมัธยมปลาย 150 เยน
นักเรียนมัธยมต้นและประถม 100 เยน
*ชุดชาและขนมมีราคาตั้งแต่ 300 -700 เยน
4. เกาะฟุคุอุระ (福浦島)
เกาะฟุคุอุระเป็นสวนสาธารณะของจังหวัดที่มีดอกไม้และต้นไม้กว่า 300 ชนิดให้เดินชมถ่ายรูปได้ เราสามารถเดินสะพานข้ามทะเลไปยังเกาะฟุคุอุระได้ โดยเข้าไปในคาเฟ่ Bayland เพื่อซื้อตั๋วเข้าแล้วทะลุหลังร้านเพื่อข้ามสะพานได้เลย พอเดินชมสวนกลับมาเหนื่อยๆ ก็สามารถมานั่งพักที่คาเฟ่เพื่อเติมแรงแล้วไปต่อได้อีกเหมือนกัน
5. วัดโกะไดโด (五大堂)
วัดโกะไดโด เป็นวัดที่ประดิษฐานรูปปั้นวิทยาราชทั้งห้าตามความเชื่อของพุทธนิกายชินงนในญี่ปุ่น ได้แก่อจละ ไตรโลกยวิชยะ กุณฑลิ ยมานตกะ และวัชรยักษะ โดยเชื่อว่าวิทยาราชทั้งห้านี้ต่างเป็นผู้ปกป้องศาสนาพุทธ
View this post on Instagram
วัดโกะไดโดถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 807 และบูรณะขึ้นใหม่โดยดาเตะ มาซามุเนะเมื่อปีค.ศ. 1604 ปัจจุบันนับเป็นแลนด์มาร์กแห่งสำคัญของมัตสึชิมะ เราสามารถเดินบนสะพานข้ามทะเลไปยังเกาะที่ตั้งของวัดได้ แต่สะพานที่นี่ถูกสร้างโดยจงใจให้มีช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ที่ปูพื้นของสะพาน ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าเผลอสะดุดเข้าระหว่างเดินข้าม นั่นหมายความว่าเรายังไม่พร้อมจะไปเยี่ยมวัดได้ เรียกว่าเป็นวัดที่ฝึกสติตั้งแต่ยังไม่เข้าไปถึงตัววัดทีเดียว
6. The Museum Matsushima (ザ・ミュージアム MATSUSHIMA)
The Museum Matsushima เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวมงานจัดแสดง 3 คอลเลคชั่นไว้ในที่เดียว ได้แก่ Orgel Collection, Kitahara Toy Collection และ Segawa Mode Collection
View this post on Instagram
Orgel Collection เป็นคอลเลคชั่นที่มีกล่องดนตรีล้ำค่าจาก Royal Museums of Fine Arts of Belgium พร้อมการแสดงออร์แกนขนาดยักษ์ให้ชมกันได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นออร์แกนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรเลงให้กับราชวงศ์โดยเฉพาะ
Kitahara Toy Collection เป็นคอลเลคชั่นของเล่นโดยคิตาฮาระ เทรุฮิสะ (北原照久) นักสะสมของเล่นชื่อดังระดับโลกผู้ดำรงตำแหน่ง Managing Director ของ Toy Co. และผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ของเล่น 7 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ในคอลเลคชั่นนี้เราจะได้ชมของเล่นชนิดต่างๆ ที่จะมาย้อนเวลาให้เราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง พร้อมกับชื่นชมความประณีตในงานฝีมือผู้ทำของเล่นได้อีกด้วย
Segawa Mode Collection เป็นคอลเลคชั่นชุดเดรสตัดเย็บด้วยมือในสไตล์ที่พบได้ในปารีสช่วงค.ศ. 1870 -1960 ที่นับเป็นยุคทองของโอตกูตูร์ในปารีส
เพื่อนๆ ที่ชอบงานศิลปะและอยากชมงานหลายๆ แบบได้ในที่เดียวไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
The Museum Matsushima
เวลาทำการ: 9.00 – 17.00 น.
วันหยุด: ไม่มี
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน
นักเรียนมัธยมปลาย 1,000 เยน
นักเรียนมัธยมต้นและประถม 800 เยน
เด็กเล็กเข้าฟรี
ผู้สูงอายุ 1,200 เยน
Website: www.t-museum.jp
7. Kyohei Fujita Museum of Glass (藤田喬平ガラス美術館)
Kyohei Fujita Museum of Glass เป็นอีกพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะจัดแสดงงานศิลปะจากแก้วของฟุจิตะ เคียวเฮ ศิลปินชื่อดังของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังมี The Water Garden สวนลอยน้ำที่เมื่อมองโดยมีฉากหลังเป็นอ่าวมัตสึชิมะจะให้ความรู้สึกเหมือนสวนนี้เชื่อมไปยังทะเลกว้าง นอกจากนี้ ที่พิพิธภัณฑ์ยังมีคาเฟ่และห้องน้ำชาให้เข้าไปพักผ่อนได้ด้วย
View this post on Instagram
Kyohei Fujita Museum of Glass
เวลาทำการ: 9.30 – 13.30 น.
วันหยุด: ตามประกาศในเว็บ
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่และนักศึกษา 1,200 เยน / นักเรียนประถม-มัธยมปลาย 700 เยน
Website: www.ichinobo.com
ดื่มด่ำกับความสวยของมัตสึชิมะแบบสุดๆ ด้วยการนั่งเรือชมอ่าว!
มาถึงเมืองที่มีอ่าวสวยติดอันดับโลกก็ต้องเข้าไปชมความงามของอ่าวมัตสึชิมะกันอย่างใกล้ชิดด้วยการนั่งเรือชมอ่าว ซึ่งมีหลายเส้นทางหลายคอร์สให้เลือก โดยเราสามารถนั่งเรือข้ามฟากไปอร่อยกับอาหารที่ท่าเรือชิโองามะ (Shiogama Port) หรือจะนั่งเรือวนรอบอ่าวก็ได้ บนเรือมีกิจกรรมให้อาหารนกนางนวลที่เราสามารถชมนกนางนวลได้อย่างใกล้ชิด และเป็นกิจกรรมยอดฮิตของการนั่งเรือชมอ่าวมัตสึชิมะ
ระยะเวลาที่ใช้สำหรับกิจกรรมนั่งเรือ: 50 นาที (ทุกคอร์ส)
ค่าโดยสาร: 1,500 เยน
Website: www.matsushima.or.jp
มาถึงตรงนี้แล้วมีใครอยากไปเยือนเมืองติดทะเลที่เต็มไปด้วยสีสันนี้แล้วบ้างเอ่ย? ทริปญี่ปุ่นครั้งหน้า มาสัมผัสความสนุกและความสวยงามระดับโลกในญี่ปุ่นกันได้ที่เมืองมัตสึชิมะนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก: matsushima-kanko