สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น JR Times by JR East ก็เป็นเว็บหนึ่งที่เหมาะกับการทำการบ้านเพื่อเตรียมทริปลุยญี่ปุ่นค่ะ โดย JR Times by JR East เป็นเว็บไซต์ที่รวมทุกบทความเกี่ยวกับรถไฟที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ ซึ่งรวมถึงบทความรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ห้ามพลาดที่สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟ JR East อีกมากมาย!
บทความนี้เป็นบทความที่คนรักธรรมชาติและฤดูใบไม้ร่วงต้องเลิฟแน่นอน! เพราะ คุณ Carissa จะพาพวกเราไปดูจุดชมใบไม้ร่วงที่สวยขึ้นชื่อแห่งชินเอ็ทสึ (พื้นที่จังหวัดนากาโนะและนีงาตะ) โดยเราจะมาเริ่มกันที่จังหวัดนากาโนะซึ่งขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นกัน!
ใบไม้ร่วงสวยต้องชินเอ็ทสึ ตอนที่ 1: วิวใบไม้แดงสุดว้าวของนากาโนะ

คุณเคยได้ยินชื่อภูมิภาคชินเอ็ทสึมาก่อนหรือไม่? ชินเอ็ทสึ (信越 Shin’etsu) เป็นชื่อเรียกพื้นที่จังหวัดนากาโนะและนีงาตะ และมีที่มาจากตัวอักษรแรกของชินชู (信州 ชื่อเก่าจังหวัดนากาโนะ) และเอจิโกะ (越後 ชื่อเก่าจังหวัดนีงาตะ) ทั้งสองจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีหิมะตกหนักและมีจำนวนสกีรีสอร์ทเยอะที่สุดในญี่ปุ่น (#1 นีงาตะ, #2 นากาโนะ) อย่างไรก็ตาม เมื่อหิมะละลายโลกอีกใบก็จะถูกเผยให้เห็น นั่นก็คือสวรรค์ของบรรดาคนรักธรรมชาติ ซึ่งฉันเชื่อว่าธรรมชาติที่นี่จะสวยที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง ในซีรี่ส์นี้พวกเราจะไปดูวิวฤดูใบไม้ร่วงของภูมิภาคชินเอ็ทสึกัน โดยเริ่มจากจังหวัดนากาโนะในตอนที่ 1 และจังหวัดนีงาตะในตอนที่ 2!
ในบทความนี้ ฉันจะแนะนำสถานที่สำหรับชมวิวฤดูใบไม้ร่วงที่สวยอย่างไม่น่าเชื่อของนากาโนะที่บอกเลยว่าห้ามพลาด ไม่ต้องห่วง สถานที่ทั้งหมดนี้สามารถไปถึงได้ง่ายโดยไม่ต้องเดินเยอะมาก แต่ในจำนวนนี้ก็จะมีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับนักเดินทางสายลุยที่จะออกเดินทางเพื่อให้ได้วิวที่สวยขึ้น คุณพร้อมหรือยัง? ไปกันเลย!
1.เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto City)
มาเริ่มกันที่เมืองมัตสึโมโตะ (松本市 Matsumoto-shi) ที่มีเสน่ห์แห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองโปรดของฉันในประเทศญี่ปุ่น เมืองมัตสึโมโตะมีเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือเป็นฉากหลัง และเป็นที่ที่คุณควรจะใช้เป็นที่พักหลักถ้าคุณอยากจะสำรวจภูเขาและจุดชมใบไม้แดงรอบๆ พื้นที่แห่งนี้ แต่คุณไม่ต้องไปหาใบไม้แดงที่ไหนไกลเลย เพราะในตัวเมืองมัตสึโมโตะนี้มีจุดให้ชมกันอยู่มากมายทีเดียว
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
ช่วงชมใบไม้แดง: ต้น-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ปราสาทมัตสึโมโตะ (松本城 Matsumoto-jō) สีดำเท่สง่านี้เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองมัตสึโมโตะ อีกทั้งเป็นปราสาทหลังโปรดของฉันในญี่ปุ่นและเป็นสมบัติชาติ ปราสาทมัตสึโมโตะที่สร้างขึ้นในยุคบุนโรคุ (Bunroku Era 1592-1596) นี้มีหอคอยปราสาทสูงห้าชั้นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และถือเป็นความสำเร็จด้านสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งอย่างหนึ่ง
ตัวปราสาทถูกล้อมรอบด้วยคูน้ำ และในเวลาที่น้ำนิ่งสงบตัวคูน้ำจะสะท้อนภาพของปราสาท ท้องฟ้า และทิวทัศน์ที่สวยงาม สวนที่ล้อมรอบปราสาทมัตสึโมโตะนั้นสามารถเข้าชมได้ฟรี ดังนั้นคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวของปราสาทอย่างในรูปด้านบนนี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อให้ได้วิวที่สวยงามยิ่งขึ้น ฉันแนะนำให้ขึ้นไปยังหอคอยของปราสาทเพื่อชมวิวแบบพาโนรามาจากบนยอดปราสาท!

ถ้ามองจากด้านนอกตัวปราสาทจะดูเหมือนมีห้าชั้น แต่ที่จริงแล้วมีทั้งหมดหกชั้นเพราะว่ามีชั้นที่ “ถูกซ่อน” ไว้อยู่ หลังจากเดินขึ้นบันไดหกชั้นแล้วคุณก็จะได้ชมวิวเมืองพาโนรามาสุดพิเศษของเมืองมัตสึโมโตะเป็นรางวัลให้กับความเหนื่อย ในวันอากาศแจ่มใสที่จะมีให้เห็นทั่วไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนั้น คุณจะได้เห็นเทือกเขาแอลป์ตอนเหนืออยู่ไกลๆ ด้วย ซึ่งเป็นฉากหลังที่สวยงามมากทีเดียว
ถนนนาวาเตะ / แม่น้ำเมโตบะ (Nawate Stree / Metoba River)
ช่วงชมใบไม้แดง: ต้น-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ใกล้ๆ กับปราสาทมัตสึโมโตะ ระหว่างศาลเจ้าโยฮาชิระ (Yohashira Shrine) และแม่น้ำเมโตบะ (女鳥羽川 Metoba-gawa) นั้นจะมีถนนเส้นเล็กๆ ที่มีชื่อว่าถนนนาวาเตะ (縄手通りNawate Dōri) อย่างหนึ่งที่คุณจะสังเกตเห็นได้เลยก็คือการตกแต่งและสินค้าของที่ระลึกธีมกบที่มีให้เห็นมากมาย
ในฤดูใบไม้ร่วง คุณจะได้เห็นต้นไม้ถูกปกคลุมไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงสุดร้อนแรง และถ้าเดินไปอีกนิดคุณก็จะไปถึงแม่น้ำเมโตบะซึ่งจะมีแนวต้นไม้หลากสีสันตามตลิ่งให้ชมกันอีก
2.ทะเลสาบสุวะ (Lake Suwa)

ต่อไปเรามาดูทะเลสาบสุวะ (諏訪湖 Suwako) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนากาโนะกัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ ใจกลางจังหวัด คุณเคยชมภาพยนตร์อนิเมะของมาโกโตะ ชินไคเรื่อง “Your Name” (君の名は Kimi no Na wa) กันหรือเปล่า? มาโกโตะ ชินไคเป็นคนจังหวัดนากาโนะ และว่ากันว่าทะเลสาบสุวะเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับเมืองอิโตโมริ (Itomori) เมืองที่ถูกแต่งขึ้นตามท้องเรื่องภาพยนตร์นั่นเอง
สวนทาเตอิชิ (Tateishi Park)
ช่วงชมใบไม้แดง: ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

เพียงเดิน 10 นาทีจากสถานี JR Kami-Suwa คุณก็จะมาถึงริมฝั่งทะเลสาบสุวะ แต่เพื่อให้ได้วิวที่พิเศษ ฉันขอแนะนำให้ไปที่สวนทาเตอิชิ (立石公園 Tateishi Kо̄en) ที่คุณจะสามารถเห็นวิวมุมสูงของทะเลสาบและเมืองโดยรอบได้

ด้วยทำเลที่ความสูง 934 ม. วิวจากข้างบนนั้นไม่ธรรมดาเลย เพราะคุณจะได้วิวแบบพาโนรามาที่เห็นได้ทั้งภูเขาโดยรอบและเมืองทั้งสามได้แก่เมืองสุวะ ชิโมะสุวะ และโอคายะ พอได้มองวิวนี้แล้วก็นึกภาพออกได้ง่ายเลยว่าวิวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับฉากในบรรดาหนังและภาพยนตร์ได้อย่างไร!
สวนทาคาชิมะ (Takashima Park)
ช่วงชมใบไม้แดง: ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ที่เมืองสุวะ เพียงเดินจากสถานี JR Kami-Suwa มา 15 นาทีก็จะเจอกับปราสาททาคาชิมะ (高島城 Takashima-jō) แม้ว่าตัวปราสาทจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่พื้นที่ปราสาทนั้นมีสวนที่สวยงามมากๆ ชื่อสวนทาคาชิมะ (高島公園Takashima Kōen) อยู่ ซึ่งมีบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงสวนแบบญี่ปุ่น

สวนที่สวยงามนี้เป็นจุดที่ต้องไปให้ได้ในฤดูใบไม้ร่วงถ้าคุณมาเที่ยวแถวๆ ทะเลสาบสุวะ ซึ่งจะเป็นช่วงที่ต้นไม้จะเฉิดฉายด้วยสีสันหลากเฉดที่สดใส ทั้งสีแดง ส้ม และเหลือง สระน้ำเล็กๆ ของสวนแห่งนี้จะทำหน้าที่เหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นวิวสวยงามและท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน และจะสวยเป็นพิเศษเมื่องท้องฟ้าเป็นสีคราม แม้ว่าตัวปราสาทจะมีค่าเข้าชม แต่สวนนี้สามารถเข้าชมได้ฟรี และคุณสามารถใช้เวลาเดินเล่นรอบๆ สวนและชมสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก็ได้
3.คามิโคจิ (Kamikochi)

ถ้าคุณถามฉันว่าสถานที่โปรดของฉันในญี่ปุ่นคือที่ไหน ฉันก็จะตอบอย่างไม่ลังเลว่าคามิโคจิ (上高地 Kamikōchi) อยู่เสมอ คามิโคจิตั้งอยู่ ณ ความสูง 1,500 ม. แห่งนี้ เป็นพื้นที่ราบสูงเก่าแก่สวยงาม ซึ่งมีวิวที่มีเสน่ห์ของแม่น้ำอาซุสะ (梓川 Azusa-gawa) สีฟ้าใสไหลผ่านหน้าเทือกเขาโฮทากะ
พื้นที่เทือกเขาแอลป์ตอนเหนือที่ตั้งอยู่ท่ามกลางยอดเขาสูงและหุบเขาลึกแห่งนี้เป็นที่ที่นักปีนเขาทั้งหลายต้องเดินทางมาให้ได้ โดยที่นี่มีคามิโคจิเป็นทางเข้าสำหรับเส้นทางเดินเขาต่างๆ ในภูเขาเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม คามิโคจิไม่ได้เป็นสถานที่สำหรับคนรักการเดินเขาเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายที่ที่คุณสามารถชมวิวสุดพิเศษได้ ซึ่งไปได้โดยเดินเพียงไม่กี่นาทีจากป้ายรถบัสที่ใกล้ที่สุดเท่านั้น!
บริเวณท่ารถบัสคามิโคจิ (Kamikochi Bus Terminal area)
ช่วงชมใบไม้แดง: กลาง-ปลายเดือนตุลาคม (ต่างกันไปในแต่ละปี)

เมื่อนั่งรถบัสมาถึงคามิโคจิ คนส่วนมากจะลงรถกันที่ท่ารถบัสคามิโคจิ (Kamikochi Bus Terminal) ที่เป็นป้ายรถสุดสาย จากตรงนั้น เพียงเดิน 5 นาทีคุณก็จะมาถึงจุดชมวิวที่มีชื่อมากที่สุดของคามิโคจิ นั่นคือสะพานกัปปะ (河童橋 Kappabashi) รอบๆ สะพานกัปปะนี้คุณจะได้วิวชั้นเยี่ยมของแนวเทือกเขาโฮทากะโดยมีแม่น้ำอาซุสะไหลผ่านอยู่เบื้องหน้าคุณ ที่จริงแล้วคุณสามารถเดินลงไปยังริมฝั่งแม่น้ำและเล่นน้ำได้ด้วย แต่ระวังนิดนึงเพราะน้ำในฤดูใบไม้ร่วงนั้นค่อนข้างหนาวทีเดียว

อีกจุดวิวสวยใกล้ๆ ท่ารถบัสคามิโคจิคือบรรดาต้นสน Larch (カラマツ karamatsu) ที่เรียงกันไปตามริมตลิ่งแม่น้ำอาซุสะ เพียงเดินประมาณ 10 นาทีจากท่ารถบัสไปยังบึงไทโช (อยู่ทิศตรงข้ามกับสะพานกัปปะ) คุณก็จะมาถึงที่โล่งกว้างซึ่งมีต้นสน Larch ยืนต้นเป็นแนวตรงไปตามริมตลิ่งแม่น้ำ แม่น้ำอาซุสะในบริเวณนี้จะตื้นและคุณสามารถเดินข้ามไปยังบริเวณพื้นก้อนกรวดที่อยู่อีกฝั่งได้
ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นสน Larch ที่นี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดสวย ซึ่งเป็นภาพที่สวยสะกดสายตาทีเดียว ยิ่งเมื่อรวมกับภูเขาที่เป็นฉากหลังและท้องฟ้าสีครามแล้ว วิวที่นี่เป็นวิวชั้นเยี่ยมที่บรรดานักท่องเที่ยวมักจะพลาดกันเพราะพวกเขามักจะมุ่งหน้าไปที่สะพานกัปปะกันเป็นหลัก เพราะงั้นตัวคุณเองก็ห้ามพลาดเลยนะ!
บริเวณบึงไทโช (Taisho Pond area)
ช่วงชมใบไม้แดง: กลาง-ปลายเดือนตุลาคม (ต่างกันไปในแต่ละปี)

แม้ว่าคนส่วนมากจะลงรถกันที่ท่ารถบัสคามิโคจิเมื่อมาเที่ยวคามิโคจิ แต่ฉันมีเกร็ดมาฝากสำหรับคนที่กำลังมองหาวิวฤดูใบไม้ร่วง นั่นคือให้ลงรถที่ป้าย Taisho-ike แทนแล้วเดิน 1 ชั่วโมงไปตามทางเดินราบจากบึงไทโช (大正池 Taishō-ike) ไปที่สะพานกัปปะ ฉันแนะนำเส้นทางนี้เป็นอย่างยิ่งเพราะเส้นทางนี้มีวิวสวยตระการตา อีกทั้งทางเดินยังถูกปูให้เดินง่าย แถมอากาศยังเย็นสดชื่นเพราะเป็นเส้นทางที่ทอดไปตามแนวแม่น้ำอาซุสะด้วย
อีกเคล็ดลับหนึ่งในการเที่ยวคือ ให้เดินทางมาที่นี่ในช่วงเช้าตรู่ซึ่งจะเป็นเวลาที่ต้นไม้มีน้ำค้างเกาะเป็นประกาย พร้อมยอดเขายาเคดาเกะ (Mount Yakedake) และเทือกเขาโฮทากะ (Hotaka Mountain Range) ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอก และผืนน้ำนิ่งสงบของบึงไทโชที่สะท้อนวิวที่สวยงามนี้ราวกับกระจก ช่วงเช้าตรู่แบบนี้นี่เองที่ทำให้เราได้เห็นส่วนหนึ่งของมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติที่คามิโคจิ ฉันเคยยืนอยู่ริมบึงแห่งนี้นานถึง 2 ชั่วโมงโดยไม่ทำอะไรนอกจากมองวิวที่ชวนให้รู้สึกสงบนี้พลางปล่อยให้จิตใจล่องลอยไป
4.ฮาคุบะ (Hakuba)

ต่อไปจะเป็นสถานที่หนึ่งในจังหวัดนากาโนะที่คุณพลาดไม่ได้ในฤดูใบไม้ร่วง นั่นคือฮาคุบะ (白馬 Hakuba) แม้ว่าฮาคุบะจะเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ในฤดูหนาวเนื่องจากมีหิมะปุยสวย แต่ที่นี่ก็มีวิวธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วงที่ชวนประทับใจด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ต้องหาชมให้ได้เลยที่ฮาคุบะก็คือปรากฏการณ์ที่สวยงามที่เรียกว่าซันดันโคโย (三段紅葉 สีสันสามชั้นฤดูใบไม้ร่วง) โดยปกติแล้วที่ยอดเขาสูงจะเริ่มมีหิมะตกเร็ว แต่ที่ภูเขาเตี้ยๆ ที่อยู่ใกล้ๆ นั้นจะยังคงมีใบไม้แดงอยู่ ขณะที่บริเวณพื้นยังมีสีเขียว เมื่อปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น คุณจะสามารถเห็นสีสันทั้งสามชั้นได้แก่สีขาว ส้ม และเขียว
ซันดันโคโยมักจะเกิดขึ้น ณ ช่วงใดช่วงหนึ่งในเดือนตุลาคม ขึ้นอยู่กับเวลาที่มีหิมะตกบนยอดเขา แต่ถ้าคุณไม่สามารถมาชมได้ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะฮาคุบะยังมีสีสันฤดูใบไม้ร่วงสวยงามอีกมากมายให้ชมกัน
HAKUBA MOUNTAIN HARBOR
ช่วงชมใบไม้แดง: ต้น-กลางเดือนตุลาคม (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ระหว่างมาเที่ยวฮาคุบะ ที่หนึ่งที่ฉันขอแนะนำให้ทุกคนมาเที่ยวเพื่อชมวิวใบไม้ร่วงเป็นอย่างยิ่งคือที่ HAKUBA MOUNTAIN HARBOR (白馬マウンテンハーバー) โดย HAKUBA MOUNTAIN HARBOR แห่งนี้เป็นระเบียงชมวิวแบบพาโนรามาที่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2018 และเป็นที่ที่ให้เราเห็นวิวภูเขาโดยรอบที่สวยชนิดหาที่เทียบไม่ได้ ตั้งแต่ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงสีเขียวชอุ่มในฤดูร้อน สีโทนอุ่นสุดร้อนแรงในฤดูใบไม้ร่วง และสีขาวหิมะในฤดูหนาว ที่เยี่ยมที่สุดก็คือระเบียงนี้สามารถเข้าได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าเข้าแต่อย่างใด!

ตัวระเบียงนี้อยู่ห่างจากสถานีกอนโดลาโดยเดินไปถึงได้เพียง 3 นาที และที่ทางเข้าจะมีร้านเบเกอรี่ชื่อ THE CITY BAKERY อยู่ คุณต้องลองชิมมัฟฟินซินนามอนและช็อกโกแลตร้อนข้นมันที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน นอกจากความอร่อยแล้ว เมนูเหล่านี้ยังช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นขึ้นท่ามกลางอาการหนาวเย็นของฤดูใบไม้ร่วงได้อีกด้วย การได้นั่งบนระเบียง จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ และมองไปยังแมกไม้ที่มีสีสันของฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ ฟังดูวิเศษสุดๆ ไปเลยว่าไหม?
อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะ (Tsugaike Nature Park)
ช่วงชมใบไม้แดง: กลาง-ปลายเดือนกันยายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ถ้าคุณโอเคกับการเดินสักหน่อย ขอแนะนำอุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะ (栂池自然園 Tsugaike Shizen’en) ด้วยที่ตั้ง ณ ระดับความสูง 1,900 ม. เหนือระดับน้ำทะเลนี้ สึกะอิเกะถือเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น อุทยานมีทางเดินกระดานไม้ทำให้การเดินเขาที่นี่สบายมากๆ และมีเส้นทางเดินที่หลากหลายซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ 1 – 3.5 ชั่วโมงเพื่อให้เข้ากับเลเวลของผู้เดินที่ต่างกันไป โดยแต่ละเส้นทางต่างให้วิวสุดอลังการของบรรดาภูเขาแห่งฮาคุบะ
5.โทกาคุชิ (Togakushi)

โทกาคุชิ (戸隠) แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าของภูเขา ณ ความสูง 1,280 ม. ซึ่งมีความงามของธรรมชาติให้ชมมากมายและถือเป็นสถานที่ชั้นเยี่ยมสำหรับหลบความวุ่นวายของเมือง ที่นี่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศชนบทชวนผ่อนคลายและวิวที่สวยงามได้ แม้ว่าโทกาคุชิจะมีชื่อเสียงเรื่องทางเดินที่ให้บรรยากาศมีมนต์ขลังซึ่งมีต้นซีดาร์ขนาบข้างและเชื่อมไปยังบรรดาศาลเจ้าทั้งหลายของศาลเจ้าโทกาคุชิ (Togakushi Shrine) แต่ที่หนึ่งที่ต้องไปให้ได้ในฤดูใบไม้ร่วงก็คือบึงคางามิอิเคะ (鏡池 Kagamiike Pond)
บึงคางามิอิเคะ (Kagamiike Pond)
ช่วงชมใบไม้แดง: ต้น-กลางเดือนตุลาคม (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ชื่อ “คางามิ (Kagami)” แปลว่า “กระจก” และเมื่อผืนน้ำนิ่งสงบ ตัวบึงจะสะท้อนทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงและภูเขาโทกาคุชิ (Mount Togakushi) อย่างสวยงามราวกับกระจก ข้างๆ บึงคางามิอิเคะจะมีคาเฟ่ชื่อ Donguri House ที่คุณสามารถผ่อนคลายและหาอะไรรองท้องได้ ที่นั่งบนชานระเบียงจะมีวิวบึงที่สวยงามมากๆ และเป็นทำเลชั้นเยี่ยมในการชื่นชมวิวของที่นี่ ระหว่างอยู่ที่นี่ คุณต้องลองชิมโทกาคุชิโซบะ (Togakushi Soba) หนึ่งในอาหารของนากาโนะที่ต้องลองให้ได้
6.คารุอิซาวะ (Karuizawa)
เพียงนั่งรถไฟชินกันเซ็นจากโตเกียวสั้นๆ 60 นาที หรือนั่งชินกันเซ็น 30 นาทีจากนากาโนะคุณก็จะมาถึงคารุอิซาวะ (軽井沢) แหล่งรีสอร์ทบนที่ราบสูงซึ่งตั้งอยู่ราว 1,000 ม. เหนือระดับน้ำทะเล คารุอิซาวะเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการไปเที่ยวทั้งครอบครัวและยังมีวิวชั้นเยี่ยมอีกด้วย
คุโมบาอิเคะ (Kumobaike)
ช่วงชมใบไม้แดง: กลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

บึงคุโมบาอิเคะ (雲場池) เป็นบึงขนาดเล็กที่เดินทางไปจากสถานี JR Karuizawa ได้โดยปั่นจักรยาน 10 นาทีหรือเดิน 30 นาที แม้จะมีขนาดเล็ก แต่บึงแห่งนี้มีภาพสะท้อนท้องฟ้าและต้นไม้ที่สวยงาม และใบไม้ของต้นไม้ที่นี่เปลี่ยนเป็นเฉดสีแดงและส้มที่สวยน่าทึ่งในฤดูใบไม้ร่วง
แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้มีหงส์ แต่บางครั้งบึงคุโมบาอิเคะก็ถูกเรียกว่า “Swan Lake” อย่างไรก็ตามที่นี่ก็มีเป็ดน่ารักๆ ที่ลงมาเล่นน้ำเย็นในบึงให้ชมกัน
ถนนคิวคารุอิซาวะ กินสะ (Kyu-Karuizawa Ginza Street)
ช่วงชมใบไม้แดง: กลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ถ้าคุณชอบการช้อปปิ้งและการเพลิดเพลินกับบรรยากาศในเมือง ไปที่ถนนคิวคารุอิซาวะ กินสะ (旧軽井沢銀座通り Kyū-karuizawa Ginza Dо̄ri) กันเลย ถนนเส้นนี้เป็นถนนย่านช้อปปิ้งหลักของคารุอิซาวะ เดินทางจากสถานี Karuizawa ไปได้โดยนั่งรถบัส 5 นาทีหรือเดิน 30 นาที บรรดาอาคารของถนนสายนี้ให้บรรยากาศแนวตะวันตกและมีคาเฟ่และร้านเบเกอรี่มากมายกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ
ถนนคิวคารุอิซาวะ กินสะนี้จะสวยงามน่าถ่ายรูปเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงที่ใบไม้บนต้นไม้ผลัดเป็นเฉดสีแดงและลมที่สดใสสะดุดตา คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับสีสันฤดูใบไม้ร่วงได้ระหว่างช้อปปิ้งและเดินเล่นไปตามถนน หรือระหว่างหาอะไรทานเล่น หรือระหว่างซึมซับบรรยากาศ!
คารุอิซาวะมีชื่อเสียงเรื่องขนมปังและขนมอบทั้งหลาย ดังนั้นฉันขอแนะนำให้แวะไปร้านเบเกอรี่เพื่อซื้อขนมปังมาสักก้อนและอร่อยกับมันระหว่างเดินสบายๆ ไปตามถนน
พิกัดชมใบไม้แดงในนากาโนะของเรายังไม่หมดแค่นี้!
ถ้ายังไม่จุใจกับจุดชมใบไม้แดงที่เราดูกันไปในนี้ล่ะก็ ข่าวดีคือนากาโนะยังมีพิกัดชมวิวฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามอีกเพียบให้ได้ไปตามเที่ยวกัน! อ่านพิกัดเที่ยวพร้อมข้อมูลการเดินทางแบบครบจบในที่เดียวได้ใน “ใบไม้ร่วงสวยต้องชินเอ็ทสึ ตอนที่ 1: วิวใบไม้แดงสุดว้าวของนากาโนะ” หรือคลิ๊กที่ภาพข้างล่างแล้วไปสนุกกันต่อได้เลย