พอมาถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ (Churaumi Aquarium) ในเมืองโมโตบุและชมสัตว์ทะเลจนครบแล้ว บางคนอาจจะสงสัยว่าจะใช้เวลาที่เหลือไปเที่ยวไหนต่อดี ไหนๆ ก็นั่งรถมาไกลถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิแล้ว เรามาดูกันว่าแถวนี้มีอะไรให้เที่ยวอีกบ้างกันค่ะ
Oceanic Culture Museum and Planetarium
พิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและการเดินทางของผู้คนบนเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ภายในจัดแสดงเรือไม้ เครื่องดนตรี และข้าวของของผู้คนจากวัฒนธรรมต่างๆ ในแถบโอกินาว่าและโอเชียเนีย ภายใต้ธีม “การเดินทางเพื่อค้นหาโลกใบใหม่โพ้นทะเล และกระแสของวัฒนธรรมกับมหาสมุทร”
นอกจากนี้ ข้างในยังมีท้องฟ้าจำลองให้เข้าไปชมกันได้ไม่จำกัดรอบ โดยนอกจากภาพยนตร์เต็มโดมที่ฉายประจำ ยังมีภาพยนตร์ที่ฉายเป็นรายการพิเศษในแต่ละช่วงให้ชมอีกด้วย
View this post on Instagram
เวลาทำการ: (ตุลาคม-กุมภาพันธ์) 8.30-17.30 น.
(มีนาคม-กันยายน) 8.30-19.00 น.
ปิดเฉพาะวันพุธและพฤหัสแรกของเดือนธันวาคม
ค่าเข้า: นักเรียนมัธยมปลาย-ผู้ใหญ่ 190 เยน (20 คนขึ้นไป 80 เยน) นักเรียนมัธยมต้นและประถมลงไปเข้าฟรี
Tropical Dream Center
สวนพันธุ์ไม้เขตร้อนที่มีดอกไม้และต้นไม้หลายชนิดให้ชม ซึ่งแม้แต่คนไทยที่ชินกับพันธุ์ไม้เขตร้อนก็ยังรู้สึกตระการตาได้ เช่นอุโมงค์ดอกกล้วยไม้ ที่มีดอกกล้วยไม้กว่า 2,000 ต้นให้ชมและถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด และถ้าเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับหอชมวิว ที่เราจะเห็นวิวของทะเลและสวนได้รอบด้าน
ปล. สวนนี้ยังเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งอีกด้วยนะ! อ่านรายละเอียดได้ที่นี่
View this post on Instagram
เวลาทำการ: (ตุลาคม-กุมภาพันธ์) 8.30-17.30 น.
(มีนาคม-กันยายน) 8.30-19.00 น.
ปิดเฉพาะวันพุธและพฤหัสแรกของเดือนธันวาคม
ค่าเข้า: นักเรียนมัธยมปลาย-ผู้ใหญ่ 760 เยน (20 คนขึ้นไป 550 เยน) และถ้าแสดงตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ จะได้ส่วนลดค่าเข้า 50% ส่วนนักเรียนมัธยมต้นและประถมลงไปเข้าฟรี
ถนน Bise Fukugi
ถ้าเดินออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิมาทางโรงแรม Orion Motobu Resort & Spa และเลยขึ้นไปอีกหน่อย เพื่อนๆ จะเจอกับทางเข้าอุโมงค์ต้นโกงกางร่มรื่นของถนน Bise Fukugi ที่นี่มีทั้งรถเทียมกระบือและจักรยานให้เช่าเพื่อชมอุโมงค์ต้นโกงกาง แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะสนุกกับที่นี่ได้คือการเดินชม
ตลอดทางจะมีป้ายนำทางให้เดินลัดเลาะไปตามอุโมงค์ต้นไม้ และมีร้านค้าและเกสต์เฮ้าส์ซ่อนตัวอยู่ประปราย อย่างไรก็ตาม เพราะที่นี่ยังเป็นชุมชนอยู่ จึงต้องระวังเรื่องการใช้เสียงไม่ให้รบกวนเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่นิดนึง แต่บรรยากาศเงียบๆ ของอุโมงค์ต้นไม้และถนนทรายสะอาดตาที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในบ้านของโตโตโร่นั้นควรค่าแต่การมาเดินเล่นทีเดียว
View this post on Instagram
แหลมบิเสะ
ที่ทางเข้า Bise Fukugi จะมีป้ายที่ชี้ทางไปแหลมบิเสะอยู่ เพียงเดินตรงไปตามทางประมาณ 10 นาทีหรือขับรถเข้ามานิดเดียว เราจะมาถึงที่โล่งที่เป็นลานจอดรถ และเดินลงไปที่โขดหินของแหลมบิเสะได้
View this post on Instagram
แหลมบิเสะเป็นพื้นที่โขดหินลดหลั่นเป็นขั้นเตี้ยๆ ไม่มีหาดทราย แต่เหมาะกับการหลบมาสน็อกเกิ้ลในน้ำตื้นหรือมานั่งเอาเท้าแช่น้ำทะเลเล่น ในช่วงสายของวันจะเป็นช่วงน้ำลด ซึ่งเราสามารถเดินออกชายฝั่งได้เป็นสิบๆ เมตร และเพราะไม่ค่อยมีคนมา เพื่อนๆ อาจจะได้เห็นน้องปูและปลาตัวเล็กๆ มาโชว์ตัวให้เห็นได้เหมือนกัน

ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิและมีเวลาเหลือ ลองแวะเที่ยวรอบๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศกันดูได้นะคะ ไม่แน่ว่าเพื่อนๆ อาจจะชอบเมืองโมโตบุมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้