สำหรับแฟนคลับชาญี่ปุ่น หลายคนน่าจะเคยลิ้มรสชาติชาเขียวอุจิ หรือชาชิสึโอกะกันมาแล้ว คราวนี้อยากไปดูต้นตำรับชาถึงที่กันบ้างไหมคะ ที่ญี่ปุ่นนอกจากจะมีร้านชาเขียวมากมายแล้ว เขายังมีไร่ชาที่เปิดโอกาสให้เราไปลองเก็บชาสด ๆ ที่ไร่กันด้วยค่ะ
รู้จักกับ 3 ชาชื่อดังของญี่ปุ่น
เราอาจจะคุ้นว่าชาชั้นดีต้องมาจากเกียวโต แต่อันที่จริงแล้วที่ญี่ปุ่นมีการปลูกชาอยู่ทั่วประเทศเลยค่ะ แต่ละที่ก็จะมีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าพูดถึงชาที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแล้ว คงหนีไม่พ้น “ชาชิสึโอกะ ชาอุจิ และชาซายามะ” ดั่งเพลงญี่ปุ่นสมัยก่อนที่ร้องเกี่ยวกับชาว่า “สีก็ต้องชาชิสึโอกะ กลิ่นหอมก็ต้องชาอุจิ ส่วนรสชาติก็ต้องชาซายามะ”
1. ชาชิสึโอกะ (ชิสึโอกะ)
เมื่อพูดถึงชิสึโอกะ หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงภูเขาไฟฟูจิ แต่นอกจากนั้นแล้ว จังหวัดชิสึโอกะยังเป็นพื้นที่ผลิตชามากเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นด้วยค่ะ เรียกได้ว่าชา 40% ของญี่ปุ่นมาจากที่นี่ และการทำไร่ชาแบบดั้งเดิมของที่นี่ยังมีชื่อเสียงระดับโลก ถึงขั้นได้จัดทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านเกษตรกรรม
2. ชาอุจิ (เกียวโต)
สำหรับเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอย่างเกียวโต ถึงจะไม่ได้มีพื้นที่ปลูกชามากเท่าชิสึโอกะ แต่ก็มีโรงงานแปรรูปชามากรองจากจังหวัดชิสึโอกะ และเป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งผลิตชาชั้นดี รวมถึงเป็นแหล่งผลิตชาแบบดั้งเดิมและเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมชาอีกด้วย
3. ชาซายามะ (ไซตามะ)
สำหรับชาซายามะ อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยกันเท่าไร เป็นชาที่ผลิตจากเมืองซายามะ ในจังหวัดไซตามะ ชาของที่นี่จะมีลักษณะเด่นอยู่ที่รสชาติของชาที่ดี ด้วยกรรมวิธีเฉพาะของเมืองซายามะ มีการบริโภคเยอะทางฝั่งคันโต หรือฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
วิธีการเก็บชา
วิธีเก็บชามีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ เก็บด้วยมือ เก็บด้วยกรรไกร และเก็บด้วยเครื่องจักร สมัยก่อนคนส่วนใหญ่จะเก็บด้วยมือ แต่เพื่อประหยัดแรงงาน และเพื่อให้ได้ผลผลิตจำนวนมาก ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาเป็นเก็บด้วยเครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่ถ้าอยากได้ชาคุณภาพสูง ก็จะใช้วิธีการเก็บด้วยมือ
View this post on Instagram
ปัจจุบันไร่ชาหลายแห่งได้เปิดให้ไปเราลองเก็บชาด้วยมือในช่วงเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยการให้เราเลือกและเด็ดยอดชาทีละใบ ๆ วิธีการนี้จะเก็บชาได้ช้าแต่จะทำให้ไม่มีใบแก่และลำต้นผสมมาด้วย จึงทำให้สามารถผลิตชาคุณภาพสูงออกมาได้
แนะนำสถานที่สัมผัสประสบการณ์เก็บชา 3 แห่งในจังหวัดชิสึโอกะ
สำหรับการไปเก็บชาที่ไร่ชา ส่วนใหญ่ทางไร่จะมีชุดเก็บชาให้เช่าใส่ ให้เราสัมผัสประสบการณ์การทำไร่ชาแบบเรียล ๆ ไปลองดูกันค่ะว่ามีที่ไหนบ้าง
1. Grinpia Makinohara グリンピア牧之原 (牧之原市)
View this post on Instagram
ที่แรกที่จะแนะนำอยู่ที่เมืองมาคิโนฮาระ ซึ่งมีไร่ชาขนาดใหญ่ กว้าง ให้เราได้ลองสวมชุดพร้อมเด็ดยอดชา รวมถึงที่นี่ยังมีคอร์สสั้น ๆ ให้เราได้ไปศึกษาที่โรงงานผลิตชา มีผลิตภัณฑ์จากชาต่าง ๆ ให้ได้ซื้อกลับบ้านเป็นที่ระลึกด้วย
ช่วงเวลาที่เปิดให้เก็บชา (2023) : แบ่งเป็นรอบ รอบละ 30 นาที
- 25 มีนาคม – ต้นเดือนพฤษภาคม
- กลางเดือนมิถุนายน – ต้นเดือนกรกฎาคม
- กลางเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม
ราคา : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็กประถม 800 เยน
Website : grinpia.com
2. Satsukien 五月園 (牧之原市)
ที่ที่สองก็ยังอยู่ที่เมืองมาคิโนฮาระ แต่ที่นี่สามารถเก็บชาพร้อมรับลมทะเล และสามารถสัมผัสประสบการณ์เก็บชาและประสบการณ์อื่น ๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำผงมัทฉะจากครกหิน การนวดใบชา หรือการทำเทมปุระใบชาและอื่น ๆ ที่เปิดให้ทำตลอดทั้งปี
ช่วงเวลาที่เปิดให้เก็บชา (2023) : เดือนเม.ย. – เดือนก.ย.
ราคา : คนละ 800 เยน
Website: www.visit-suruga.com
3. Kuraya-narusawa 蔵屋鳴沢 (伊豆の国市)
View this post on Instagram
ที่สุดท้ายที่จะแนะนำอยู่ที่เมืองอิซุโนะคุนิ ไร่ชาจากวิวของที่นี่จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ และเตาหลอมเหล็กนิรายามะ (Nirayama Reverberatory Furnaces) ซึ่งเป็นมรดกโลกไปพร้อม ๆ กันเลยทีเดียว แน่นอนว่าที่นี่มีชุดให้ยืมเช่นเดียวกัน แต่ความพิเศษกว่านั้นคือ เราจะได้ผ้าโพกหัวของที่นี่กลับไปเป็นที่ระลึก รวมถึงชา Sencha ที่ผลิตจากโรงงานของที่นี่ และใบชาที่เราเก็บเอง พร้อมสูตรการทำเทมปุระ หรือทำชาอูหลงอีกด้วย
ช่วงเวลาที่เปิดให้เก็บชา (2023) : แบ่งเป็นรอบ รอบละ 1 ชั่วโมง
15 เมษายน – 2 กรกฎาคม
9 กันยายน – 29 ตุลาคมราคา : คนละ 2,000 เยน
Website : kuraya-narusawa
สรุปข้อมูลจาก nougyoudoboku, nougyoudoboku, idle-moment, rtrp