แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญเพื่อสุขภาพฟันและกระดูก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในหญิงวัยทอง มารู้กันว่าแคลเซียมจากแหล่งอาหารใดที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่ากัน และวิธีการทำโมจิจากนมกันค่ะ
แคลเซียมจากแหล่งอาหารใดที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่ากัน
แคลเซียมประกอบอยู่ในอาหารหลากหลายชนิด ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์นม ปลาเล็กปลาน้อย และผักหลายชนิด เช่น ผักคะน้าฝรั่ง ผักปวยเล้ง และผักเคล เป็นต้น อย่างไรก็ดี ร่างกายคนเราจะดูดซึมแคลเซียมจากนมเข้าสู่ร่างกายได้สูงสุดถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ดูดซึมแคลเซียมจากปลาเล็กปลาน้อยและผักได้ 33 และ 19 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
เหตุผลที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากนมได้สูงนั้นเนื่องมาจากโปรตีนเคซีนในนมถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์เป็นโปรตีนชื่อ เคซีน ฟอสโฟเปปไทด์ (Casein phosphopeptide, CPP) ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้แคลเซียมตกตะกอน ส่งผลให้ลำไส้สามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีกว่า ส่วนสาเหตุที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากผักได้ต่ำสุดนั้นเนื่องมาจากกรดไฟติก (Phytic acid) ที่มีอยู่ในผัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมล็ดธัญพืชและถั่วต่างๆ จะยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย นมไม่มีกรดไฟติกดังนั้นร่างกายจึงดูดซึมแคลเซียมจากนมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าผัก
วิธีการทำขนมโมจินม
วัตถุดิบ
- นม 300 มิลลิลิตร
- แป้งมันฝรั่ง 6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
- ผงถั่วเหลืองคินาโกะและน้ำตาลคุโรมิสึ (Kuromitsu) ปริมาณที่เหมาะสม
วิธีทำ
1. เติมนม น้ำตาลและแป้งมันฝรั่งลงในหม้อ คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน จากนั้นเปิดไฟกลางค่อนข้างไปทางอ่อน คนส่วนผสมด้วยไม้พาย เมื่อส่วนผสมเริ่มเหนียวกลายเป็นโมจิ ก็เทลงบนถาดที่รองไว้ด้วยพลาสติกแรปหรือกระดาษไขสำหรับรองอบ
2. วางไว้ที่อุณหภูมิห้องจนโมจิเย็น แล้วจึงตัดด้วยช้อนให้มีขนาดพอดีคำ โรยด้วยผงถั่วเหลืองคินาโกะและราดน้ำเชื่อมคุโรมิสึ
นมเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี และสามารถหาซื้อมาดื่มได้ง่าย เวลาที่ดีในการดื่มนมเพื่อรับแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย คือ ในช่วงเวลาเช้าหรือในเวลาที่หิว สำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบดื่มนมก็ลองเลือกวิธีการเสริมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายจากขนมโมจินมดูค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก jstage.jst.go.jp, nyukyou.jp