หลายคนคงมีความคิดที่อยากเก็บเงินได้มากๆ แต่ทำไมพอจะปฏิบัติแล้วแทบไม่เหลือเงินเก็บเลย บางทีตั้งใจจะเก็บเงินแต่รู้ตัวอีกทีก็เผลอใช้เงินจนเกือบหมด วันนี้อาจารย์โอโนะ นักวางแผนการเงินชาวญี่ปุ่น จะมาอธิบายจุดบอด 4 ข้อที่ทำให้หลายคนไม่สามารถเก็บเงินได้ค่ะ
1. ความคิดที่ว่ารายได้ – รายจ่าย = เงินออม
คนส่วนมากคิดว่าเงินส่วนที่เหลือจากการใช้จ่ายคือเงินออม แต่ถ้าใครที่ต้องใช้เงินเป็นค่าเรียน/ค่าเลี้ยงลูกหรือมีแผนอยากซื้อรถซื้อบ้าน จำเป็นต้องกำหนดเงินเก็บเป็นจำนวนที่แน่นอน เพราะฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนความคิดโดยนำรายได้ – เงินเก็บ = ค่าใช้จ่าย เมื่อได้รับเงินมาให้หักส่วนที่เป็นเงินออมออกทันที และใช้เงินส่วนที่เหลือนั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
2. ไม่รู้ว่าตัวเองใช้เงินไปเท่าไร
พอสังเกตคนที่ไม่สามารถออมเงินได้ ส่วนมากจะรู้ว่าตัวเองเหลือเงินเท่าไร มีรายได้เท่าไร แต่มักจะไม่รู้ว่าแต่ละวัน แต่ละเดือนตัวเองใช้จ่ายไปเท่าไร ยิ่งสมัยนี้มีบัตรเครดิตและ Mobile banking ยิ่งทำให้การใช้จ่ายสะดวกและง่ายมากขึ้น อาจไม่ต้องบันทึกละเอียดมาก แต่จำเป็นต้องรู้จำนวนค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ว่าใช้จ่ายไปกับอะไรจำนวนเท่าไร จากการบันทึกนี้ทำให้หลายคนได้สติว่าตัวเองใช้จ่ายไปเยอะพอสมควร
3. ไม่ได้ลำดับความสำคัญของการใช้เงิน
ส่วนมากปัญหานี้จะเกิดกับคนที่มีรายได้มากในระดับหนึ่ง ซึ่งพวกเค้าจะไม่ได้จัดลำดับความสำคัญแต่จะเลือกที่คุณภาพมากกว่า ถ้าแค่ชิ้นสองชิ้นก็อาจจะไม่มีปัญหา แต่พอซื้อหลายชิ้นในราคาสูงแล้ว มีเงินเท่าไรก็จะไม่พอใช้
4. กระหน่ำซื้อของช่วงลดราคาหรือใช้แต้มสะสม
ข้อนี้มักจะเป็นกับสาวๆ โดยเฉพาะช่วงลดราคาหรือร้านค้าที่มีการสะสมแต้มต่างๆ คนที่หลงกลนี้จะซื้อของช่วงลดราคาหรือมีสินค้ากระหน่ำลดกันเยอะ ถ้าเป็นของจำเป็นหรือของที่อยากได้อยู่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่สินค้าที่มีโปรโมชั่นยิ่งซื้อเยอะยิ่งลดราคานี้ทำให้หลายคนซื้อของที่ไม่จำเป็นมาด้วย ไม่ได้หมายความว่าวิธีนี้ไม่ดี เพียงแต่ต้องใช้โอกาสนี้ในการซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ยิ่งถ้าได้ของลดราคาแถมยังได้คะแนนสะสมจะดีกว่า
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีใครเป็นเหมือนใน 4 ข้อนี้มั้ยคะ ลองทบทวนว่าตัวเองได้เผลอทำสิ่งที่กล่าวมาหรือเปล่า ถ้ารู้ตัวแล้วแก้ไขอาจทำให้คุณมีเงินออมมากกว่าที่คิดก็ได้นะคะ
สรุปเนื้อหาจาก :this.kiji