เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ได้ประกาศสภาวะฉุกเฉินเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เนื่องจากสาเหตุของการแพร่ระบายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่นับวันยิ่งมีรายชื่อผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลวงอย่างมหานครโตเกียวที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศ แซงหน้าฮอกไกโดที่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว
ประกาศฉุกเฉินฉบับบนี้มีผลครอบคลุมในระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2020 ครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ โตเกียว ชิบะ ไซตามะ คานากาวะ โอซาก้า เฮียวโกะ และฟุกุโอกะ ทั้งนี้การประกาศภาวะฉุกเฉินนี้ ไม่ได้มีการปิดเมือง หรือ lockdown อย่างที่มีข่าวมาก่อนแต่หน้าแต่อย่างใด ระบบคมนาคมยังคงเป็นปกติ แต่อาจจะมีการหารือเพื่อลดจำนวนของขบวนรถไฟในช่วงเช้า ซึ่งก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโลกอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่นว่า หากตัดสินใจทำจริง จะยิ่งทำให้จำนวนผู้โดยสารในแต่ละขบวนหนาแน่นมากกว่าเดิมหรือไม่ ในส่วนนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ด้านของธุรกิจห้างร้านต่างๆ ใน 23 เขตของกรุงโตเกียว ได้มีการร้องขอให้ผู้ประกอบการปิดกิจการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนเป็นต้นไป โดยการบางกิจการจะได้รับการยกเว้นให้เปิดทำการปกติ เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา โรงพยาบาล โรงแรม เป็นต้น ส่วนอิเวนต์หรือสถานบริการที่มีคนหนาแน่นให้ปิดทำการชั่วคราว เช่น โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง สถานศึกษา ฟิตเนส เป็นต้น
ทั้งนี้รัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวงดออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านและแออัด รวมไปถึงการพูดคุยแบบใกล้ชิดกับบุคคลอื่น โดยรัฐบาลจะประเมินสถานการณ์ในลำดับถัดไปอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า และพร้อมที่จะประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินนี้ตลอดเวลาหากเห็นว่าไม่มีความจำเป็น จึงขอความร่วมมือประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินเหตุ
การประกาศสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ทำให้รัฐบาลสามารถละเมิดสิทธิบางอย่างได้ภายใต้มาตรการฉุกเฉิน หากมีใครไม่ทำตามกฎ จะมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนเยน โดยกฎหมายใหม่นี้แม้จะไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายนอกเหนือไปจากการปรับเงินต่อกิจการใดๆ ที่ทำการฝ่าฝืนประกาศ แต่หากผู้ใดฝ่าฝืน รัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางสังคม โดยจะเปิดเผยชื่อกิจการที่ไม่ทำตามกฎในสื่อสาธารณะ ซึ่งการคว่ำบาตรทางสังคมแบบชาวญี่ปุ่นนั้น หากใครโดนเข้าไปเรียกว่าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยทีเดียว
สรุปเนื้อหาจาก: ANN NEWS
ผู้เขียน: A Housewife Wannabe