ในช่วงฤดูร้อนในญี่ปุ่นมีดอกไม้สวยงามหลากหลายชนิด หนึ่งในดอกไม้ประจำถิ่นที่คนญี่ปุ่นพูดเป็นเสียงเดียวว่าสวยน่ารักก็คือ ดอกคิเคียว มารู้จักดอกไม้ชนิดนี้และการนำมาใช้ประโยชน์เป็นยาสมุนไพรของคนญี่ปุ่นกันนะคะ
รู้จักดอกคิเคียว
คิเคียว (キキョウ, 桔梗) หรือดอกไม้บอลลูน หรือชื่อภาษาอังกฤษ Platycodon grandiflorum เป็นไม้ดอกอายุหลายปี มีลำต้นสูงตั้งแต่ 15-150 เซนติเมตร ออกดอกเป็นดอกเดียวหรือออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกตูมมีลักษณะโป่งกลมคล้ายบอลลูน เมื่อบานดอกจะเป็นรูปดาวมี 5 แฉก มีสีสันหลากหลายได้แก่ สีขาว ชมพู ม่วง และม่วงอมน้ำเงิน เป็นต้น ในญี่ปุ่นดอกไม้ชนิดนี้จะบานดอกตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนกันยายน ด้วยมีสีสันงดงามตามธรรมชาติ วัดและศาลเจ้าสำคัญหลายที่ ได้แก่ ศาลเจ้าเซอิเมอิ (Seimei Shrine, 晴明神社) วัดโรซันจิ (Rozanji Temple, 廬山寺) และวัดโทฟุคุจิ (Tofuku-ji Temple, 東福寺) เป็นต้น ในจังหวัดเกียวโต จึงเปิดให้ชมดอกคิเคียวบานสวยในสวนตัดกับสถาปัตยกรรมเก่าแก่แบบญี่ปุ่น
ความหมายของดอกคิเคียว
ดอกคิเคียวมีความหมายของดอกไม้ว่า รักนิรันดร์และเกียรติยศ ดอกคิเคียวสีม่วงมีความหมายของดอกไม้ว่า เกียรติยศ และดอกคิเคียวสีขาวมีความหมายของดอกไม้ว่า ความประณีต
การนำคิเคียวมาใช้ประโยชน์
รากของต้นคิเคียวมีส่วนประกอบของสารซาโปนิน (Saponin) คนญี่ปุ่นนำรากของมันมาตากแห้งและต้มดื่มเป็นชาช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ เจ็บคอและคออักเสบ นอกจากนี้ รากของต้นคียวยังอุดมไปด้วยสารอินูลิน (Inulin) ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ เมื่อรับประทานเข้าไปเส้นใยชนิดนี้จะเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมในลำไส้ดีขึ้นและยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ปัจจุบันนี้รากคิเคียวเป็นหนึ่งในยาสมุนไพรของแพทย์ทางเลือกในญี่ปุ่น
หากชอบดอกไม้ผู้เขียนเชื่อว่าดอกคิเคียวเป็นอีกหนึ่งดอกไม้หนึ่งที่ทำให้เพื่อนผู้อ่านหลงรักได้ไม่ยาก ไว้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น หากมาเยือนเกียวโตในช่วงเดือนกรกฎาคมก็อย่าลืมไปชมดอกคิเคียวตามสถานที่ดังที่ระบุไว้ด้านบนดูนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก: media.mk-group, lovegreen.net