จากกำหนดเดิมที่ต้องเปิดเทอมเพื่อขึ้นชั้นใหม่ตอนต้นเดือนเมษายน แต่ด้วยการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินยาวนานเกือบ 2 เดือน โรงเรียนจึงจัดการเรียนที่ให้นักเรียนได้เรียนหนังสือด้วยตนเองในระหว่างปิดการเรียนนี้ มาดูวิธีการเรียนหนังสือที่บ้านของเด็กนักเรียนประถมศึกษาที่ญี่ปุ่นกันนะคะ
ให้การบ้านทบทวนบทเรียนในช่วงที่ปิดเรียนใหม่
ในช่วงที่ปิดเรียนใหม่ ทางโรงเรียนได้นัดให้เด็กไปโรงเรียนในเวลาที่แตกต่างกันตามชั้นปี แล้วให้เด็กไปรับหนังสือเรียนสำหรับชั้นปีการศึกษาใหม่ ตารางทบทวนบทเรียนและแบบฝึกหัดวิชาต่างๆ พร้อมเฉลย เพื่อให้เด็กๆ ได้ทำการบ้านทบทวนบทเรียนในชั้นที่ผ่านมา
กำหนดตารางเรียนให้เด็กเรียนหนังสือเองที่บ้าน
ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โรงเรียนได้ขอให้ผู้ปกครองไปรับตารางเรียน พร้อมกับแผ่นงานและการบ้าน เพื่อให้เด็กได้เรียนหนังสือเองที่บ้าน โดยเวลาเรียนนั้นถูกจัดให้เหมือนเวลาไปโรงเรียน ในแต่ละวันจะมีการบริหารร่างกายตอนเช้าแล้วตามด้วยการเรียนวิชาต่างๆ ตามตารางเรียน แบ่งเป็นคาบละ 30 นาที จำนวน 5-6 คาบต่อวัน โดยครูเขียนอธิบายรายละเอียดของแต่ละคาบ เช่น เรียนจากหน้าไหนถึงไหน คัดคันจิคำใดบ้าง ตลอดจนเขียนบรรยายง่ายๆในวิชาคณิตศาสตร์ให้เด็กเข้าใจง่าย ในบางวิชาก็จะให้เด็กดูวิดีโอจากสื่อการศึกษาที่โรงเรียนเตรียมไว้ เช่น สารคดีสั้นๆ ที่เกี่ยวกับวิชาที่เรียนและเขียนสรุปเป็นเรียงความลงแผ่นงาน เป็นต้น ทั้งนี้โรงเรียนจะให้รหัสผ่านเพื่อให้เด็กเข้าไปเรียนได้ตรงกับชั้นเรียน ในบางโรงเรียนยังไม่มีเรียนออนไลน์ เพราะการเรียนออนไลน์นั้นค่อนข้างยุ่งยากสำหรับเด็กที่พ่อแม่ทำงานทั้งคู่ อย่างไรก็ตามบางโรงเรียนก็จัดให้มีการเรียนออนไลน์เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมง
เน้นการเรียนด้วยตนเองเป็นหลักและมีออนไลน์เสริมเล็กน้อย
แม้ว่าทางเขตจะอำนวยความสะดวกในการให้ยืมแท็บเล็ต แต่ครูญี่ปุ่นยังให้ความใส่ใจกับการเรียนด้วยตนเองมากกว่าการเรียนออนไลน์ด้วยเหตุผลหลายประการได้แก่
1. ในบ้านที่พ่อแม่ทำงานทั้งคู่ การเข้าโปรแกรม Zoom ยังเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเด็กเล็ก อีกทั้งในบ้านที่มีลูกหลายคน ระบบอินเทอร์เน็ตหลายบ้านในญี่ปุ่นยังไม่เหมาะกับการเรียนออนไลน์พร้อมกันทั้งบ้าน
2. ในเด็กเล็ก การอ่านเขียนเรียนด้วยตนเองจะทำให้เด็กมีสมาธิและสามารถจำบทเรียนได้มากกว่า อีกทั้งยังเป็นการถนอมสายตาไม่ให้เด็กนั่งมองจอทั้งครึ่งวันซึ่งส่งผลเสียต่อสายตาในอนาคต
3. เป็นการประหยัดไม่ให้พ่อแม่เอาเงินไปลงทุนกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของสมาชิกในบ้าน
4. เป็นการฝึกความรับผิดชอบและให้เด็กช่วยเหลือตนเองจากการเรียน การทำการบ้าน และรวบรวมการบ้านไปส่งครูตามเวลาที่แต่ละโรงเรียนกำหนดไว้
ในเด็กที่โตขึ้นและรู้จักการใช้คอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่วก็มีระบบการเรียนออนไลน์บ้างอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง และโรงเรียนแต่ละที่ได้จัดทำสื่อการสอนสั้นๆ ให้เด็กเข้าไปดูเอง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนักเรียนระดับมัธยมศึกษาก็เรียนหนังสือด้วยตนเองที่บ้านจากการบ้านและเอกสารที่ได้รับมาจากโรงเรียน ส่วนนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจะเรียนออนไลน์เป็นหลัก
ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ คุณครูไม่ว่าที่ใดในโลกต่างก็พยายามหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้เด็กได้วิชา แม้ประเทศอื่นจะเน้นการสอนออนไลน์และเรียนทางไกลเป็นหลัก แต่ที่ญี่ปุ่นโรงเรียนประถมศึกษายังเรียนแบบอนุรักษ์โดยใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นหลักโดยมีผู้ปกครองช่วยตรวจดูเฉลย และเรียนทางไกลและออนไลน์เสริมบ้างเล็กน้อยค่ะ
