เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีการรณรงค์ให้ลดการสัมผัสนั้น ร้านค้าต่างๆ ก็มีเริ่มนำเสนอทางเลือกการชำระค่าสินค้าและบริการโดยไม่ต้องใช้เงินสด (Cashless) ทำให้การเปลี่ยนมาชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือการใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัลเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น ประเทศญี่ปุ่นเองเดิมทีก็นิยมชำระค่าสินค้าด้วยเงินสดมากกว่า แต่ปัจจุบันแม้แต่รัฐบาลเองก็มีการรณรงค์ให้ผู้คนลดการจ่ายด้วยเงินสดเช่นกัน อย่างเช่นช่วงเดือนตุลาคม 2019 – มิถุนายน 2020 ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นมีโครงการ Cashless point(キャッシュレス・ポイント還元)ซึ่งเป็นการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนหนึ่งให้กับผู้ที่ชำระเงินตามร้านค้าที่ร่วมโครงการ (ร้านที่มีป้ายสัญลักษณ์ “CASHLESS” บนพื้นสีแดง) เมื่อชำระเงินแบบ Cashless เช่น ใช้บัตรเครดิต QR code ในสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่บัตรเติมเงินอย่าง Suica card เป็นต้น
当店も『キャッシュレス・消費者還元事業』の5%ポイント還元対象店舗になりました。ぜひキャッシュレス決済を利用してお得にお買い物をお楽しみください(^^♪
現状、クレジットカード・PayPayが対象です。
LINE Payは現在申請中ですので、予めご了承下さい。
詳しくはコチラ⇒https://t.co/aPBQKUuTA6 pic.twitter.com/qKQng4xw8V— 南海部品本店 (@NANKAI_OSAKA) October 4, 2019
นอกจากนี้ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเกี่ยวกับระบบการชำระเงินดิจิตัลต่างๆ เช่น PayPay LINE Pay และ Rakuten Pay ยังพร้อมกันออกแคมเปญให้ส่วนลดหรือแคชแบ็ก (cash back) เพิ่มเติมจากโครงการของรัฐด้วย
ペイペイ使えます😊#杉戸町和菓子青柳#ペイペイ#キャッシュレス pic.twitter.com/i7PxWJpMeu
— #和菓子青柳 (@sugitoaoyagi_55) March 2, 2021
การร่วมมือระหว่าง JCB และ Panasonic เพื่อตอบโจทย์เรื่อง Cashless
JCB หรือ Japan Credit Bureau ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่มีเครือข่ายในหลายประเทศทั่วโลก และ Panasonic System Solutions Japan บริษัทผู้พัฒนาและผลิตอุปกรณ์สารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์ในเครือ Panasonic ได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบการจ่ายเงินแบบ Cashless ให้เหนือไปอีกขั้น คือการชำระเงินได้ง่ายๆ เพียงแค่โชว์ใบหน้าของเราเท่านั้น!
Panasonic ผู้พัฒนาเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Face Recognition) ขั้นสูงมาใช้ในหลายๆ หน้างาน อย่างการตรวจแสดงตัวตนที่สนามบิน การตรวจสิทธิ์คนเข้าชมการแสดง สวนสนุก และอาคารสำนักงานต่างๆ ได้นำเทคโลยีดังกล่าวมาร่วมพัฒนากับ JCB เพื่อนำเสนอนวัตกรรมชำระเงินผ่านระบบการจดจำหน้า (Face Recognition Payment หรือ 顔認証決済)
Face Recognition Payment ทำงานอย่างไร?
ร้านค้าที่เข้าร่วมกับ JCB ในโครงการนี้ จะต้องติดตั้งเครื่องสแกนใบหน้า โดยระบบจะทำการตรวจว่าใบหน้าของผู้ชำระเงินตรงกับที่ลูกค้าเคยลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าแล้วหรือไม่
ซึ่งการใช้ระบบนี้ จะช่วยลดเวลาในการต่อคิวชำระเงิน และสามารถเชื่อมต่อข้อมูลการชำระเงินเข้ากับระบบบัญชีหลังบ้านของร้านค้านั้นๆ ได้เลย ทำให้นอกจากจะทำให้ลูกค้าสะดวกสบายแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิการทำงานให้กับร้านค้าต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความปลอดภัยเป็นสองชั้น โดยการตั้งค่าให้ใช้ทั้งการสแกนใบหน้าร่วมกับกดรหัส PIN เหมือนตอนใช้บัตรเอทีเอ็มกดเงินสดได้อีกด้วย
เรียกได้ว่าเทคโนโลยี Face Recognition ในสมัยนี้มีความก้าวหน้าไปมาก ถึงขนาดสามารถแยกแยะใบหน้าได้ แม้กระทั่งตอนใส่แว่นหรือใส่มาสก์ ในขณะเดียวกันด้วยเทรนด์ของการจับจ่ายใช้สอยแบบ Cashless เองก็เริ่มเป็นที่แพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ
ไม่แน่นะ ในอนาคตถ้า JCB ขยายขอบเขตการให้บริการนี้ไปถึงนักท่องเที่ยวหรือคนนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย ตอนพวกเราเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นอาจจะแทบไม่ต้องแลกเงินหรือพกเงินสดไปเลยก็เป็นได้