ท่านผู้อ่านครับ นอกจากเรื่อง “ผู้หญิงปลอบขวัญ” สมัยสงครามแปซิฟิก ซึ่งกลายเป็นเรื่องให้เกาหลีใต้ขุดประเด็นกันไม่หยุดหย่อนจนกระทั่งศาลเกาหลีใต้สั่งให้ชดใช้ (อีกแล้ว) เมื่อปลายปีที่แล้ว ดังที่ผู้เขียนได้เคยนำเสนอไปนะครับ มีมาอีกเรื่องแล้วคือคดี “แรงงานบังคับเกณฑ์ชาวเกาหลี” ซึ่งผู้เขียนได้เคยกล่าวถึงเล็กน้อยในตอนที่เล่าถึงความเป็นมาของ “คนเกาหลีในญี่ปุ่น” และคราวนี้พี่เกาเอาจริง ถึงกับจะยึดทรัพย์ Mitsubishi Heavy Industries กันแล้วนะครับ!
เรื่องมันมีอยู่ว่าที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ศาลแขวงเมืองซูวอน จังหวัดคย็องกี ได้สั่งให้ยึดทรัพย์บริษัท Mitsubishi Heavy Industries เป็นเงิน 850 ล้านวอน (ราว 24 ล้านบาท) เพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายที่เป็นผู้ถูกบังคับเกณฑ์แรงงานในยุคจักรวรรดิญี่ปุ่น 4 ราย โดยแบ่งเป็นเงินชดใช้ค่าเสียหาย 340 ล้านวอน (ราว 9.6 ล้านบาท) บวกค่าความเสียหายล่าช้าและค่าดำเนินการ
พูดถึงเรื่อง “แรงงานบังคับเกณฑ์ชาวเกาหลี” แล้ว มีท่านผู้อ่านท่านไหนรู้จัก “เกาะฮาชิมะ” ไหมครับ? ที่เคยทำเป็นหนังไทยสยองขวัญ แนวไปเที่ยวเกาะร้างน่ะครับ? นั่นน่ะครับ ที่นั่นเป็นเกาะเทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทมิตซูบิชิเมื่อครั้งกระโน้นเพื่อทำอุตสาหกรรมถ่านหิน ในยุคหนึ่งเคยรุ่งเรืองขนาดที่ว่ามีคนไปตั้งบ้านมีชุมชน โรงเรียน และมีคำกล่าวอ้างด้วยว่ามีการเกณฑ์บังคับเอาคนงานเกาหลีมาใช้แรงงานที่นั่นด้วย ถึงกับเคยมีงานเขียนของคนเกาหลีอ้างว่า แรงงานเกาหลีนั้นนั้นถูกบังคับให้ทำงานด้วยค่าแรงถูกๆ “เพราะเป็นคนเกาหลี”
การยึดทรัพย์ของบริษัท Mitsubishi Heavy Industries ในคราวนี้จะเป็นทรัพย์สินส่วนที่บริษัทมิตซูบิชิมีอยู่ในบริษัท LS Mtron ของเกาหลี (ซึ่งอยู่ที่แขวงอันยาง จังหวัดคย็องกี) อันได้แก่อะไหล่จำพวกเครื่องยนต์รถแทรกเตอร์ (พูดง่ายๆ ก็คืออะไหล่ที่มิตซูบิชิขายให้ LS Mtron นั่นแหละครับ) แต่ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าของเครือบริษัท LS กลับแถลงว่าเราค้าขายกับ Mitsubishi Heavy Industries Engine Systems นะ ไม่ใช่ Mitsubishi Heavy Industries (แต่เดี๋ยวก่อน มันเครือเดียวไม่ใช่เหรอครับ (ฮา))
อย่างไรก็ดีเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว สิ่งที่รัฐบาลญี่ปุ่นทำได้ก็มีอยู่แค่อย่างเดียวคือออกมาพูดว่า คำสั่งของศาลเกาหลีใต้นั้น “ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ” กับ “(ทำอย่างนี้) มันเสียหายความสัมพันธ์” โดยนายคาโต้ คัตสึโนบุ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ออกมาแถลงใจความดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
ไม่รู้จะ ว่ายังไง เลยครับ
สรุปเนื้อหาจาก Yahoo! Japan