นายคาโต้ คัตซึโนบุ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แสดงความเห็นที่มีต่อการสวนสนามทางทหารที่จัดขึ้นในเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2563 ว่า “ขีปนาวุธใหม่ (ของเกาหลีเหนือ) นั้น ยากที่จะจัดการด้วยยุทโธปกรณ์ที่มีมาแต่เดิม เราต้องเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธทางอากาศ”

แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะแถลงว่า เรื่องของ “ขีปนาวุธเกาหลีเหนือ” นั้น “กำลังวิเคราะห์รายละเอียด” แต่นายคาโต้เปิดเผยว่า อาจเป็นไปได้ว่าว่าขีปนาวุธใหม่ของเกาหลีเหนือจะเป็น ขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) กับ ขีปนาวุธทิ้งตัวติดเรือดำน้ำ (SLBM) อย่างไรก็ดี สิ่งที่ปรากฎขึ้นนั้นดูเหมือนราวกับว่า ตลอดเวลา 25 ปีที่เกาหลีเหนือพัฒนาจรวดขีปนาวุธ ญี่ปุ่นได้แต่นั่งมองอยู่เฉยๆ อย่างนั้นหรือ?
ญี่ปุ่นจะป้องปรามอย่างไร?
มีรายงานมาตลอดว่าเทคโนโลยีของญี่ปุ่นรั่วไหลไปยังเกาหลีเหนือในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่าญี่ปุ่นปล่อยให้เวลาผ่านไป 25 ปีเพื่อให้ประเทศยากจนอย่างเกาหลีเหนือกลายเป็นภัยคุกคาม เพราะแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่นเองยังพูดออกมาเองว่า “เป็นการยากที่จะจัดการกับด้วยยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่” เพื่อจะรับมือกับปัญหานี้ รัฐบาลญี่ปุ่นควรจะทำอย่างไร ควรจะต้องออกกฎหมายอะไรหรือไม่ หรือจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร? หากข้อกำหนดกฎหมายในรัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรค (ต่อการป้องกันประเทศชาติและประชาชน)
เมื่อพูดถึงอาวุธของเกาหลีเหนือ ตอนนี้ขีปนาวุธ “ฮวาซอง 15” (火星15型) ซึ่งว่ากันว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว อย่างไรก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือไม่มีแท่นยิงขีปนาวุธแบบเคลื่อนที่ได้ แต่ตอนนี้กำลังมีการพัฒนาแท่นยิงขีปนาวุธแบบเคลื่อนที่ จากขนาดข้างละ 9 ล้อกลายเป็น 11 ล้อ ใหญ่ขึ้น อัพเกรดเวอร์ชันขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังเป็นที่สงสัยว่าขีปนาวุธเรือดำน้ำนั้น อาจพัฒนาสำเร็จแล้วก็ได้ นี่คือภัยคุกคามที่มีต่อญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
火星15型が4機もあるんだ。 pic.twitter.com/XognyKyb6O
— Hideshi Kagawa (@wdb201126) February 8, 2018
ความขัดแย้งระหว่าง “ฝ่ายสนับสนุนอเมริกา” กับ “ฝ่ายกองทัพปลดปล่อยประชาชน”
ผู้สังเกตการณ์เรื่องเกาหลีเหนือบางคนกล่าวว่า ภูมิหลังทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังขีปนาวุธใหม่ดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ ที่อยู่เหนือเรื่องภัยคุกคามอันใหญ่หลวงต่อญี่ปุ่นขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า นายคิมจองอึนนั้นบางครั้งก็แสดงความคิดเห็นที่ดูอ่อนแอออกมา และบางทีนางคิมโยจองก็ไม่ปรากฎตัวออกมาด้วย เป็นที่กล่าวกันว่า มีความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งระหว่างฝ่ายสนับสนุนอเมริกากับฝ่ายกองทัพปลดปล่อยประชาชนข้างในสภาที่พย็องแท็ก ดังนั้น การสวนสนามครั้งนี้อาจมองได้ว่าคือวิธีการสำแดงพลัง “แบบดุดัน” ของฝ่ายกองทัพปลดแอกประชาชน ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังได้กล่าวว่า เรื่องนี้มีจีนอยู่เบื้องหลัง จึงเป็นเรื่องที่ทางญี่ปุ่นจะต้องมีมีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะจัดการกับเรื่องขีปนาวุธนี้อย่างไร
การแก้ไขปัญหาการลักพาตัวคนญี่ปุ่น
อันที่จริงแล้ว การต่อสู้ทางการเมืองภายในคาบสมุทรเกาหลี เป็นเรื่องของการที่ว่า “ฝ่ายไหน” จะไปเข้าข้างประเทศมหาอำนาจ “ประเทศไหน” เท่านั้นเอง ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็เป็นเช่นนี้มาหลายพันปีแล้ว ฉะนั้น หากมีความขัดแย้งภายในระหว่างสองฝ่ายที่ว่ามาในเกาหลีเหนือ นี่อาจเป็นโอกาสของญี่ปุ่นในการหาทางเอาตัวคนญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวกลับคืนมา หากในเกาหลีเหนือ ผู้นำอ่อนแอ การเมืองสับสน อาจจะมีหนทางเดินหน้าเจรจาทางการเมืองเพื่อ “ส่งคืนผู้ถูกลักพาตัว” ก็ได้?
รัฐบาลญี่ปุ่นได้แสดงท่าทีในการขอให้ประเทศที่สามให้ความร่วมมือในเรื่องปัญหาการลักพาตัวของเกาหลีเหนือมาตลอด นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นยังได้กล่าวอย่างชัดเจนถึงความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาการลักพาตัวให้ได้ แต่มาถึงตรงนี้ การทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ เหมือนเดิมก็ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหา สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังล่มสลายอาจเป็นโอกาสที่จะหากโลบายในการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้จริง ที่ผ่านมาการกดดันเกาหลีเหนือในเรื่องใดๆ นั้นมาจากอเมริกา อาจถึงคราวที่ญี่ปุ่นจะเข้าไปกดดันบ้างก็ได้ สิ่งที่เคยได้ยินจากสมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่นบางท่านกล่าวมาก็คือ ฝ่ายอเมริกาเคยกล่าวกับผู้เกี่ยวข้องของประเทศญี่ปุ่นว่า “ทำไมญี่ปุ่นไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับที่นั่น (เกาหลีเหนือ) บ้างล่ะ” ทุกวันนี้เรื่องของคนญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปเกาหลีเหนือนั้น นอกจากเหยื่อที่ได้รับการรับรองแล้ว ยังไม่รู้ว่ามีอีกกี่คน มันอาจเป็นการสมควรแล้วที่จะสร้างแรงกดดันให้กับผู้เกี่ยวข้องทั้งประเทศญี่ปุ่นและประเทศรอบข้าง เพื่อแก้ไขปัญหานี้
สรุปเนื้อหาจาก news.1242.com
ภาพ ja.wikipedia
ผู้เขียน TU KeiZai-man