สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ในเดือนมีนาคมปีหน้า 2565 เกาหลีใต้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีกันอีกครั้ง ซึ่งท่านผู้อ่านคงยังจำกันได้ว่าตั้งแต่นายมุนแจอินได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี “การแอนตี้ญี่ปุ่น” ก็แรงขึ้น ความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นก็เลวลงทันตาเห็น แล้วใครจะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่? แล้วความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไรต่อไป? เราลองมาดูกันครับ
ก่อนอื่นขอให้หันมามองตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันคือนายอี แจ-มย็อง (李在明) กันก่อน นายคนนี้มีท่าทีเป็นฝ่ายแอนตี้ญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ซึ่งแสดงออกโดยการเอาคดีเรื่องการเกณฑ์แรงงานชาวเกาหลี (ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง) มาขยี้ต่อเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยวาทกรรมที่ว่า “แม้ว่าคุณจะเบือนหน้าหนี ประวัติศาสตร์จะไม่มีวันหายไป” และยืนกรานให้ฝ่ายญี่ปุ่นต้องจ่ายค่าชดเชยตามคำพิพากษาโดยพลัน ซึ่งเรื่องที่นายอี แจ-มย็อง นำมาขยี้ในโซเชียลนั้น ก็คือประเด็นที่ว่า ศาลฎีกาของเกาหลีใต้สั่งให้บริษัท Mitsubishi Heavy Industries จ่ายเงินชดเชยแรงงานเกณฑ์ชาวเกาหลีมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 แต่ผ่านมาสามปีแล้ว การจ่ายเงินชดเชยยังไม่คืบ โดยนายอีกล่าวว่า “มิตซูบิชิได้แต่คัดค้านเพื่อประวิงเวลา” แถมยังกล่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นนั้น “ใช้การตอบโต้ทางเศรษฐกิจ แถมยังปฏิเสธผลการพิจารณาคดี” อีกด้วย และยังเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้ดำเนินการแก้ไขปัญหา “ในเชิงรุก” (สมเป็นฝ่ายเดียวกับนายมุน)

หันมาดูผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้าน “พรรคพลังประชาชน” (国民の力) คือนายยุน ซอคย็อล (尹錫悦) กลับชูนโยบายว่า หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี จะกลับมาสานความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างผู้นำของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และ “จะมองหาหนทางแก้ไขที่ครอบคลุมทั้งประเด็นทางประวัติศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านความมั่นคง” ระหว่างสองประเทศ

ฉะนั้นท่านผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่า เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นปีหน้าจะเป็นเช่นไรนั้น อยู่ที่ว่าใครจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี จริงๆ นะครับ ซึ่งถ้าจะพูดว่า ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปนั้น ตอนนี้ยังพูดยาก เพราะว่าจากผลสำรวจของสถานีโทรทัศน์ KBS ณ วันที่ 29 พฤศจิกายนนั้น ต่างฝ่ายยังต่างมีเสียงสนับสนุนคนละ 35.5% พอๆ กัน ยังคู่คี่สูสีกันอยู่นะครับ
สรุปเนื้อหาจาก Yahoo! Japan
ภาพจาก Wikipedia