เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านเรื่องของอาชีพที่เรียกว่า Sugar Baby ซึ่งคืออาชีพที่ผู้หญิงรับจ้างกินข้าวพูดคุยกับผู้ชายที่มีเงินหรือที่เรียกว่า Sugar Daddy โดยได้รับค่าตอบแทนจากการที่มานั่งคุยหรือมานั่งกินข้าว ส่วนจะไปถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กันหรือไม่นั้นแล้วแต่ความพึงพอใจที่จะตกลงกันเอง
คำว่า Sugar Daddy ถ้าเปรียบเมืองไทยก็คงประมาณว่าเหมือนเด็กสาวๆ หาป๋ามาเลี้ยง หาคนมาเปย์ ซึ่งอาชีพหรืองานลักษณะนี้ก็เริ่มมีมากขึ้นในโลกตามสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เพียงแต่ของฝรั่งเขามาเฉลยว่าเขาแค่รับจ้างเป็นเพื่อนคุยเพื่อนกินข้าวไม่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ หลายคนที่ทำอาชีพนี้ในโลกตะวันตกมักจะเป็นนักศึกษาที่ต้องหาเงินเรียนเอง
ผู้เขียนอ่านแล้วก็เลยสงสัยสนใจว่า แล้วที่ญี่ปุ่นทุกวันนี้มีอาชีพในลักษณะคล้ายๆ กันอยู่ไหม ก็พบว่าญี่ปุ่นก็มีงานลักษณะคล้ายๆ กัน ซึ่งเขาเรียกว่า “ปาป้าคัตซึ” パパ活 แปลตรงตัวก็คือ “กิจกรรมป๊ะป๋า” หาคนจ้างไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนคุย
ภาวะโควิดในไทยนั้นส่งผลกระทบต่อคนหาเช้ากินค่ำมากเป็นพิเศษ แต่ภาวะโควิดในญี่ปุ่นนั้นกระทบต่อ “ผู้หญิง” มากเป็นพิเศษ เพราะในญี่ปุ่นผู้หญิงจำนวนมากต้องเลี้ยงชีพด้วยงานไม่ประจำ การไม่มีงานทำเพราะภาวะโควิดกลายเป็นตัวผลักดันให้ผู้หญิงญี่ปุ่นบางคนหันไปทำอาชีพ “ปาป้าคัตซึ” คือมี “ป๊ะป๋า” จ้างให้ไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ซึ่งหลายกรณีนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์แลกเงิน
เรามาลองดูกันนะครับว่าสถานการณ์ของอาชีพ “ปาป้าคัตสึ” ของญี่ปุ่นแตกต่างกับ Sugar Baby ในโลกตะวันตกอย่างไร
นางสาวเคย์โกะ (นามแฝง) วัย 20 ปลายๆ ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันเคยทำงานเป็นพนักงานสัญญาจ้าง แต่เนื่องจากผลกระทบจากโควิด ฉันเลยโดนยกเลิกสัญญา ฉันไม่มีคุณวุฒิหรือทักษะพิเศษใดๆ จึงไม่สามารถหางานใหม่ได้ เลยต้องทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วก็ต้องมาทำงานขายบริการแบบช่วยไม่ได้”
“จำนวนงานที่ทำที่บ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยไม่มีที่ไหนจะจ้างพนักงานสัญญาจ้างหรืองานพาร์ทไทม์ ฉันไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี งานร้านสะดวกซื้อมันได้เงินน้อย ค่าจ้างรายชั่วโมงก็ต่ำ” ภาวะโควิดที่ลากยาวทำให้แรงงานที่ไม่ใช่พนักงานประจำถูกเลิกจ้าง และราว 70% ของแรงงานดังกล่าวเป็นผู้หญิง
แต่ ณ ตอนนี้แม้แต่ “อุตสาหกรรมทางเพศ” ก็ประสบกับภาวะถดถอยเช่นกัน มีการกล่าวกันว่าจำนวนลูกค้าของร้านที่นางสาวเคย์โกะทำงานอยู่ลดลงตั้งแต่โควิดระบาดเมื่อปี พ.ศ. 2563 โดยรายได้ลดลงเหลือแค่ 1 ใน 5 ของปีก่อนหน้า (พ.ศ. 2562) เลยทีเดียว ปัญหาของคนทำงานแบบนี้คือถึงจะเข้ามาทำงานที่ร้านแต่ถ้าลูกค้าไม่มีก็ไม่ได้สตางค์ ระยะนี้ นั่งรอทั้งวันแปดชั่วโมงยังไม่มีลูกค้าเลย
ตอนนี้ก็เลยเกิดบริษัทที่ “ช่วยหางานใหม่ให้ผู้หญิงทำงานกลางคืน” เกิดขึ้นมา แต่แม้แต่ปริมาณงานที่สามารถจะเสนอให้คนที่ต้องการเปลี่ยนงานได้นั้นก็ลดลงไปถึง 30% ผู้หญิงทำงานกลางคืนบางคนต้องเอาของในบ้านจำพวกไม้แขวนเสื้อไปขายหาเงินกินข้าว บางคนไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องหรือค่าเล่าเรียน
อาชีพ Sugar Baby ในญี่ปุ่น
อาชีพ Sugar Baby นั้นมีทั่วไปอย่างลับๆ ในหมู่ผู้หญิงที่ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี เป็นหนทางหารายได้จากการทำความรู้จักผู้ชายผ่าน SNS เว็บบอร์ด แอปพลิเคชัน ฯลฯ แล้วไปนั่งกินข้าวด้วยกัน รองศาสตราจารย์มาซาโนริ อิเคเบะ แห่งมหาวิทยาลัยบุนเคียว ได้วิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ เช่นศัพท์แสงที่นำไปสู่การรับงานเหล่านี้
1度目を通して気になりましたらDMお願いします!😭✨
ご質問等ありましたらお気軽にお声掛けくださいませ👼🏻❣️#パパ活 #パパ募集 #レンタル彼女 pic.twitter.com/tNw9kHEROG— みやびちゃん♡パパ活 (@miyabii__8585) October 26, 2016
“โฮเบ็ตสึ” (ホ別) นี่แปลว่าอะไร “ก็แปลว่า “(ราคานี้) ไม่รวมค่าโรงแรม (ค่าโรงแรมลูกค้าออกเอง)”
จากการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ พบว่าหลังจากที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน จำนวนโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับ “การรับงาน” ก็เพิ่มขึ้น
มาริโกะ แม่บ้านเต็มเวลาวัย 30 ปี ซึ่งเลี้ยงดูลูกเล็กสองคน รายได้ของสามีที่ทำอาชีพอิสระลดลงอย่างรุนแรงจากภาวะโควิด สามีของเธอออกอาการโวยวายมากขึ้นเนื่องจากความเครียดที่ไม่สามารถหาเงินได้เพียงพอแก่การครองชีพ ด้วยเหตุผลทางการเงินทำให้เธอต้องรับงานไปนั่งกินข้าวกับป๊ะป๋า
สามีพูดว่า “เป็นแม่บ้านหาเงินเองไม่ได้ก็อย่ามาทำเป็นพูดดี” บ้าง “ฉันทำงานหนักนอกบ้าน แกไม่เห็นทำอะไรเลย” บ้าง แต่ฉันต้องเอาเงินออมของตัวเองมาจ่ายค่าอาหาร ค่าผ้าอ้อม รายได้ลดลง สามีพูดจาไม่ดีมากขึ้น ทำร้ายจิตใจกัน ทุกวันนี้ก็พยายามระงับใจไม่ให้โพล่งอะไรออกไป”
“ในช่วงที่ลูกของฉันอยู่โรงเรียนอนุบาลหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันไปนั่งกินข้าวกับผู้ชายมาได้เกิน 10 คนแล้ว พวกเขาพยายามขอมีความสัมพันธ์ทางกาย แม้ว่าจะรู้สึกต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะความที่ได้เงินหลายหมื่นเยน”
“ต่อไปลูกๆ ต้องใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นฉันต้องการได้เงินมากกว่าแค่ค่าชวนไปกินน้ำชา”
บางครั้งเธอก็ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงทางเพศด้วย
“บางทีก็เจอคนวิตถาร โดนถ่ายรูปถ่ายคลิป โดนบังคับให้ทำอะไรที่ต้องฝืนใจทำบ้าง ไม่ช่วยเซฟคุมกำเนิดบ้าง ถูกทำให้เลือดออกบ้าง ทั้งเจ็บทั้งกลัวแต่ก็พูดว่ากลัวไม่ได้ จะหนีก็หนีไม่ได้”
“ฉันไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเองคนเดียวได้ นอกจากจะทำอย่างนี้ก็ไม่รู้จะทำอะไรอื่นได้ ฉันไม่ได้อยากได้ของแบรนด์เนมหรือไปเที่ยวเมืองนอก ฉันแค่อยากใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน”
เบื้องหลังของธุรกิจดังกล่าวนั้น จะต้องมีคนเป็นสื่อกลางแนะนำผู้หญิงไปยังชมรมหาคู่ แล้วก็จะได้เงินค่าแนะนำ บางคนมีประสบการณ์สอนงานอาชีพดังกล่าวให้ผู้หญิงมากกว่า 1,500 คนเข้าสู่วงจรธุรกิจนี้
นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 รายได้จากธุรกิจตรงนี้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเยน ปี พ.ศ. 2563 ทำรายได้ไปแล้วมากกว่า 10 ล้านเยน
“จำนวนการติดต่อสอบถามเพิ่มขึ้นมาก และค่าแนะนำก็สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา บอกตรงๆ ผมไม่คิดว่าจะไปได้ไกลขนาดนี้” ชายคนหนึ่งซึ่งทำอาชีพแนะนำสาวๆ เข้าสู่วงจรธุรกิจ “ปาป้าคัตซึ” กล่าว “อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่ชอบ คุณควรเลิกทำไปนั่นหละดีที่สุด มันจะเป็นการดีถ้าผู้หญิงสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ แต่มันยากสำหรับผมที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ด้วยลำพังตัวคนเดียว ทุกวันนี้เราใช้คำว่า “ปาป้าคัตซึ” ซึ่งก็ถือว่าเป็นคำที่เบาแล้ว เทียบกับแต่ก่อนที่เราใช้คำว่า “คบหาเพื่ออุปถัมป์” (เอ็นโจะโคไซ 援助交際) หรือ “เมียน้อย” (ไอจิน 愛人) แต่คำพวกนี้มันไม่ได้หายไป และผมไม่คิดว่ามันจะหายไปหรอกนะครับ”
อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ โดยส่วนตัวเนื่องจากสภาพสังคมและวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกันระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก ผู้เขียนรู้สึกว่าอาชีพลักษณะนี้ในญี่ปุ่นมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายมากกว่าในโลกตะวันตกนะครับ เพราะในโลกตะวันตกด้วยสังคมและวัฒนธรรมผู้หญิงมีโอกาสที่จะกำหนดกฎเกณฑ์อะไรด้วยตัวเองมากกว่าและถือเป็นหลักการว่าผู้ชายก็จะต้องเคารพกฎกติกาของผู้หญิงตามนั้น แต่ในสังคมญี่ปุ่น ความที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มีเสียงหรือโอกาสจะเลือกหรือกำหนดกฎเกณฑ์อะไรได้มากนัก บวกกับการที่มีสถานะทางเศรษฐกิจไม่มั่นคงด้วย โอกาสที่จะต่อรองก็ต่ำลงและโอกาสที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบก็มีมากขึ้น ยิ่งในยุคโควิดยุคเศรษฐกิจไม่ดีแล้วด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นปัญหาสังคมอย่างหนึ่งที่ต้องหาทางแก้ไขบรรเทากันไปนะครับ